BYD เปิดตัว Atto 1 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 195 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย (ประมาณ 387,000 บาท) ทำให้ Atto 1 กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากที่สุดในตลาดขณะนี้
BYD เปิดตัว ATTO 1 หรือ Seagull ในตลาดอินโดนีเซียแล้ว เริ่มต้น 387,000 บาท
Atto 1 เป็นรุ่นที่ถูกเปลี่ยนชื่อจากรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมของ BYD ในประเทศจีน คือ Seagull EV
รถยนต์ไฟฟ้าที่เล็กที่สุดและราคาเข้าถึงได้มากที่สุดของ BYD ถูกจำหน่ายภายใต้ชื่อ Dolphin Mini และ Dolphin Surf ในตลาดต่างประเทศอื่น ๆ
รถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่นี้มีให้เลือกสองรุ่นย่อย ได้แก่ Standard Range Dynamic และ Long Range Premium
รุ่น Atto 1 Dynamic Standard Range ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade ขนาด 30.08 kWh ให้ระยะทางตามมาตรฐาน NEDC ที่ 300 กม.
การอัปเกรดเป็นรุ่น Premium มีราคา 235 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย (ประมาณ 467,000 บาท) แต่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น 38.88 kWh ให้ระยะทางที่ 380 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
ภายในห้องโดยสารคล้ายกับรถยนต์แบรนด์ BYD รุ่นอื่น ๆ โดยมีห้องโดยสารอัจฉริยะที่เรียบง่ายและไฮเทค
มีหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะขนาด 10.1 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงจอแสดงผลมาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่
ในขณะเดียวกัน รุ่น Long Range Premium มาพร้อมกับแท่นชาร์จไร้สายเพิ่มเติมและพวงมาลัยแบบปรับได้
Atto 1 มีมิติตัวถัง ความยาว 3,959 มม. ความกว้าง 1,720 มม. และสูง 1,590 มม. โดย Atto 1 มีขนาดเล็กกว่า Toyota Yaris แต่ใหญ่กว่า Kia Picanto เล็กน้อย
Nathan Sun ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของ BYD อินโดนีเซีย กล่าวในงานว่า “การเปิดตัวในอินโดนีเซียครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัว Atto 1 ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน และขณะนี้รถยนต์พร้อมให้สั่งจองล่วงหน้าแล้ว”
Atto 1 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ของ BYD ที่เข้ามาในอินโดนีเซีย และเป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยาที่สุดของแบรนด์นี้
BYD ยังจำหน่ายรุ่น Seal ซึ่งเริ่มต้นที่ 629 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย, Atto 3 SUV เริ่มต้น 515 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย และ Dolphin เริ่มต้น 425 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการผลิตในประเทศ ในช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็น 10% จาก 5% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มา: electrek