Sakura P.
เหล่าบริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน กำลังทยอยประกาศยอดขายในเดือนตุลาคม โดย Leapmotor ยังคงครองตำแหน่งผู้นำ ตามมาด้วย HIMA (Harmony Intelligent Mobility Alliance) และ Xpeng เรามาดูรายละเอียดของแต่ละค่ายกัน
ศึกสตาร์ทอัพ EV จีนเดือด! Leapmotor, HIMA, Xpeng โชว์ยอดขาย ต.ค. พุ่งทะลุสถิติ
Leapmotor
ในเดือนตุลาคม ยอดขายรายเดือนของ Leapmotor ทะลุ 70,000 คันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยทำได้ 70,289 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 84% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และจนถึงตอนนี้ Leapmotor ก็ครองอันดับ 1 ยอดขายกลุ่มสตาร์ทอัพ NEV ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 แล้วในปี 2025
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Leapmotor D19 EREV ซึ่งเป็นรถแบบครอสโอเวอร์ ก็ได้เริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-sale) ในประเทศจีน
และเร็ว ๆ นี้ Leapmotor B05 (Lafa 5) จะเริ่มเปิดสั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 7 พฤศจิกายน จากนั้น รถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Leapmotor A10 ก็จะเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Guangzhou Auto Show ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
HIMA
ในเดือนตุลาคม ก็สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่รายเดือนเช่นกัน ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ 68,216 คัน โดยมีราคาซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 390,000 หยวน
ที่น่าสนใจคือ จนถึงปัจจุบัน ยอดขายสะสมของ HIMA ได้ทะลุ 1 ล้านคันแล้ว ทำให้ HIMA กลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ NEV ที่บรรลุเป้าหมายนี้ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
Xpeng
Xpeng ส่งมอบรถยนต์ไป 42,013 คัน เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ถือเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่มียอดขายเกิน 40,000 คัน
สำหรับ 10 เดือนแรกของปี 2025 (มกราคม-ตุลาคม) Xpeng ส่งมอบรถยนต์ไปแล้วทั้งสิ้น 355,209 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 190% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
Xpeng ยังได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป รถยนต์ไฟฟ้าที่บริษัทส่งมอบในช่วงเวลาเดียวกันนี้ คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 5.56 ล้านตันตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนของต้นกล้าขนาดกลางถึง 91.96 ล้านต้นในระยะเวลา 10 ปี
ในเดือนเดียวกันนี้ Xpeng ยังได้ขยายตลาดเข้าไปในอีก 7 ประเทศ ได้แก่ ลิทัวเนีย, ลัตเวีย, เอสโตเนีย, กัมพูชา, โมร็อกโก, ตูนิเซีย และกาตาร์
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่ร้อนแรงของตลาด NEV จีนอย่างชัดเจน และด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ที่จ่อคิวรออยู่ เชื่อได้เลยว่าการแข่งขันในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะยิ่งดุเดือดขึ้นอีกแน่นอน
ที่มา carnewschina
