Statista Consumer Insight ได้ทำแบบสอบถามผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า PHEV และ BEV ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อสำรวจว่าเจ้าของรถส่วนใหญ่เป็นคนเจเนอร์เรชันไหนบ้าง มาชมการสำรวจนี้กันครับ
คนเจเนอเรชันไหนเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าบ้าง ?
การตัดสินใจในการเปลี่ยนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปมาใช้รถยนต์พลังงานใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยได้หลากหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของเงินและอุดมการณ์ ด้วยแบบสอบถามจาก Statista Consumer Insight ได้ทำการสำรวจหาเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง Plug-in Hybrid (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) โดยแบ่งว่าคนที่เกิดในเจเนอร์เรชันไหนที่เป็นเจ้ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรูปแบบนี้ในสหรัฐอเมริกา
จากภาพกราฟฟิค 22% ของผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจชาวอเมริกัน อายุปีเกิดช่วงระหว่าง 1980 ถึง 1994 ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถใช้งานหลักในชีวิตประจำวัน ขณะที่ 10% เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) คนเจน Z แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในยานพาหนะไฟฟ้า ด้วยยอดเจ้าของรวม 14% ทั้ง PHEV และ BEV
การสำรวจของคนเจน Baby Boomer ที่เกิดในช่วงปี 1946 ถึง 1964 ถือว่าเป็นเจนที่มีความต้องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าน้อยที่สุด คิดเป็นเพียง 3% ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า PHEV และ 1% มีรถยนต์ไฟฟ้า BEV ใช้งานจริงเท่านั้น
เนื่องจากปัญหาอย่างการหาวัสดุแร่หายากและโคบอลต์, ลิเทียมและนิกเกิล เหล่านี้เป็นวัถุดิบหลักในกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลัก และการใช้พลังงานไฟฟ้าถือเป็นสิ่งสําคัญในการลดคาร์บอนในภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีการปล่อยมลพิษอยู่ตลอด
ด้วยบริษัทผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ ๆ เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง PHEV และ BEV ที่มีระยะที่วิ่งได้ต่อการชาร์จมากขึ้นในไลน์อัปการขายของแต่ละแบรนด์ รวมถึงผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla เร่งทำยอดขายได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายที่ได้วางไว้ทำให้ช่วงปี 2020 และ 2023 สามารถทำยอดเพิ่มได้เยอะมาก ๆ ในตลาดสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะยังเป็นเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้นจากยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ตัวอย่างจากข้อมูลของ WardsAuto ได้รายงานโดย Argonne National Laboratory แสดงยอดขายรถยนต์ Plug-in hybird ได้ 1.4 ล้านคัน และยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ขายในตลาดสหรัฐปี 2023 ส่วนใหญ่จะเป็นยอดขายของ BEV ส่วนยอดขายทั้งหมดที่เหลือจะเป็นรถกระบะและรถยนต์โดยสารทั่วไปยอดขายอยู่ระหว่าง 13.5 ถึง 15.5 ล้านคันในปีเดียวกัน ตัวเลขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละแหล่งข่าว
ที่มา : Statista