คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันเมื่อวันพุธว่าจะยังคงรักษาเป้าหมายปี 2035 ที่กำหนดให้รถยนต์ รวมถึงรถตู้ใหม่ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปต้องไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมยังคงเป้าหมายระยะกลางสำหรับปี 2030
EU ยืนยันเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รถยนต์เป็นศูนย์ภายในปี 2035
เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ยอมรับแรงกดดันจากผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปโดยขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามข้อกำหนดจาก 1 ปีเป็น 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับจำนวนมาก
แผนการของสหภาพยุโรปในการแข่งขันกับจีนและสหรัฐฯ
กรรมาธิการด้านการขนส่งของสหภาพยุโรป ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการของคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันพุธเพื่อรับรองว่าผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปสามารถปรับเปลี่ยนสายการผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แข่งขันกับผู้ผลิตที่ล้ำหน้ากว่าอย่างจีนและสหรัฐฯ
เขาระบุว่าการทบทวนกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เดิมกำหนดไว้ในปี 2026 จะถูกเลื่อนมาเป็นช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ เป้าหมายเดิมจะไม่เปลี่ยนแปลง
“เรายังคงเป้าหมายเดิมสำหรับปี 2035 หมายความว่าเรายังคงเป้าหมายสำหรับปี 2025, 2030 และแน่นอน 2035”
ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปยังคงกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายปี 2025
แม้จะมีการขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปก็ยังมองว่าการบรรลุเป้าหมายปี 2025 ยังคงเป็นเรื่องยาก
กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง BEUC (สมาคมผู้บริโภคยุโรป) และ T&E (กลุ่มวิจัยด้านการขนส่ง) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การขยายเวลาโดยระบุว่าจะลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตรถยนต์ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าราคาเข้าถึงได้ และทำให้ยุโรปล้าหลังกว่าจีนมากขึ้น
การเรียกร้องให้สหภาพยุโรปคงมาตรฐานการปล่อยมลพิษ
T&E ระบุว่าแผนของสหภาพยุโรปเป็นการยอมที่ไม่ควรทำต่ออุตสาหกรรม และควรเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติยืนหยัดต่อแรงกดดันและไม่เปลี่ยนแปลงมาตรฐาน CO2 ของรถยนต์ในปี 2030 และ 2035
ทางด้าน E-Mobility Europe ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซัพพลายเออร์ และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสถานีชาร์จ กล่าวว่า “รู้สึกเสียใจ” ต่อการผ่อนปรนมาตรฐานปี 2025 แต่เชื่อว่ายุโรปสามารถชดเชยได้ผ่านการดำเนินแผนงานอย่างเข้มงวด
องค์กรยังสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในองค์กรธุรกิจ การสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ และการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ โดยเฉพาะสำหรับรถบรรทุก
ที่มา : Reuters