ใน , ,

ยอดขายรถ EV ทั่วโลกเติบโต 50% สวนกระเแสข่าวรถ​ EV ชะลอตัว

ปัจจุบันเราได้พบข่าวนำเสนอเกี่ยวกับกระแสยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทั่วโลกชะลอตัว ขายไม่ดี แบรนด์เริ่มเปลี่ยนทิศทาง และอีกมากมาย แต่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกลับเติบโตกว่า 50% มาดูรายละเอียดความย้อนแย้งและสวนกระแสครั้งนี้กันครับ

ยอดขายรถ EV ทั่วโลกเติบโต 50% สวนกระเแสข่าวรถ​ EV ชะลอตัว

ข้อมูลจาก International Energy Agency’s Global EV Outlook 2024 ได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าว่าบรรยากาศโดยรวมอาจจะดูไม่สดใส แต่จริง ๆ แล้วยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกรวมอาจจะทำเป้าทะลุ 17 ล้านคันได้ภายในปี 2024 หมายความว่าการขายรถ 1 ใน 5 คันจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง

ด้วยความต้องการในยานพาหนะพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าราคาเข้าถึงง่ายถือว่าเป็นประเภทรถหลักที่เปลี่ยนวงการอุตสาหกรรมยานยนต์โลกในปัจจุบัน ภายในปี 2035 IEA ตั้งเป้าให้ยอดขายทั่วโลกกว่า 50% เป็นรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ เพื่อเป็นการช่วยลดความต้องการใช้น้ำมันกว่า 6-10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับจํานวนปัจจุบันของจำนวนยานพาหนะทางถนนในสหรัฐอเมริกา

ด้วยราคาที่แต่ต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปถือว่าทำราคาได้ห่างกันเพียงเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว ด้วยราคาไฟฟ้าที่ถูกกว่าราคาน้ำมันในปัจจุบัน ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสามารถประหยัดเงินไปได้มากนั่นเอง

ด้วยข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าหลายประการนี้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค, ช่วยสร้างอาชีพใหม่ ๆ, การลงทุนเพิ่ม และช่วยลดมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย

ทุกคนต่างล้วนต้องการที่จะประหยัดเงินและมีอาการบริสุทธิที่ดี ดังนั้นอีกไม่นานทุกคนทุกที่ทั่วโลกจะมีทางเลือกในยานยนต์พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคารถยนต์ไฟฟ้าที่จะถูกลงในอนาคต

การรายงานข่าวช่วงที่ผ่านมานี้ส่วนใหญ่เผยให้เราทราบว่ายอดขายของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเริ่มที่จะชะลอตัว และอาจจะเป็นจุดจบของยุครถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ทว่าจริง ๆ แล้วตัวเลขกลับไม่เป็นดังเช่นข่าวเหล่านี้ ที่เป็นหัวข้อข่าวจากแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ทั้ง 3 เจ้าของโลก

ในปีนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ประเทศที่เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ตั้งเป้าให้ทำยอดขายได้ 10 ล้านคัน คิดเป็นประมาณ 45% ของยอดขายรถทั้งหมดในจีน สำหรับในสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตเจ้าใหญ่อันดับ 2 ของโลก ก็คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเติบโต 20% เพิ่มจากปี 2023 คิดเป็น 11% สำหรับยอดขายรถใหม่ ส่วนตลาดยุโรปเองก็อาจจะทำยอดขายเพิ่มได้ 10% คิดเป็น 25% ของยอดขายทั้งหมด

สำหรับยอดรถคันใหม่ของประเภทรถทั้งหมด IEA คาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะทำยอดขายได้ 33% ของรถทั้งหมดบนถนนในประเทศจีน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 20% ของรถทั้งหมดในอเมริกาและยุโรเปเช่นกัน

นโยบายเอื้อเพื่อการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า

เนื่องจากการขายรถยนต์ไฟฟ้ามีปัจจัยสำคัญอย่างเช่นเรื่องของนโยบายที่ดีรวมถึงปัจจัยการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า IEA ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับนโยบายในตลาดยานยนต์ทั้ง 3 ที่สำคัญของโลก ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีจีน (China’s 14th Five-year Plan), การลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาถือเป็นการลงทุนด้านพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และนโยบายควบคุมมลพิษของยุโรป นโยบายทั้งหมดนี้จะเป็นตัวกำหนดการลงทุนระยะยาว รวมถึงมีส่วนในการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มจำนวนการผลิตและการขายด้วย

ผู้ผลิตรถยนต์กว่า 20 เจ้าทั่วโลกคิดเป็น 90% จากแบรนด์ทั้งหมดทั่วโลก ได้วางแผนการขายเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงปี 2022-2023 ได้มีการลงทุนในการสร้างโรงงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รวมกว่า 500 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าลดลงเนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และการขยายของโรงงานทั่วโลก ส่วนใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในประเทศจีนจะมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาปด้วยซ้ำ และคาดว่าจะมีความเท่าเทียมกันของต้นทุนนี้ภายในปี 2030 ในตลาดหลักที่อื่น ๆ นอกเหนือจากจีน

ถ้าหากทำการเทียบต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าไม่ได้ถูกกว่าการผลิตรถยนต์สันดาปเลย แต่รถยนต์ไฟฟ้ากลับมีราคาที่ถูกกว่าในการเป็นเจ้าของ ด้วยสัญญาการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถคันใหม่ถือว่าถูกกว่ามากในอเมริกา และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่าการเติมน้ำมันในรถซีดาน, SUV หรือรถกระบะในอเมริกา

ยอดการรีไซเคิลแบตเตอรี่ไฟฟ้าทั่วโลกรวมความจุกว่า 300 GWh (gigawatt-hour) ในปี 2023 และคาดกว่าจะเพิ่มเป็น 1,500 GWh ในปี 2030

ทั่วโลกมีการติดตั้งสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น 40% ในปี 2023 เทียบกับปี 2022 ด้วยการเพิ่มตู้ชาร์จที่ไวขึ้นมาแทนที่หัวจายที่ความไวช้า

ดังนั้นด้วยกำแพงการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 ปัจจัยอย่าง จำนวนรถที่จำกัด, ราคา, การชาร์จ และการชำรุด ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังพัฒนาและก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ IEA จะมองเห็นอนาคตที่สดใสและกล่าวว่าจะเป็นขาขึ้นยานยนต์ไฟฟ้า

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาถือว่าทำตัวเลขได้ดี

ด้วยกระแสทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นข่าวแนวไหนเกี่ยวกับอะไรก็ตาม ดเนื่องจากยอดขายของทาง Tesla เองถือว่าอาจจะลดลงกว่าที่เคยทำได้ เทียบกับเจ้าอื่น ๆ ที่ทำยอดขายเติบโต สำหรับยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าของ Ford ถือว่าเติบโตเป็น 2 เท่า จากยอดขายในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 และยอดขายทั่วโลกถือว่ารถยนต์ไฟฟ้าเติบโตทุก ๆ ไตรมาสตั้งแต่ปี 2021

Energy Innovation ได้โชว์แผนโมเดลเกี่ยวกับการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากการลดอัตราเงินเฟ้อในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ถือว่าปิดตัวสูงกว่ายอดที่คาดการณ์ครั้งแรกไว้ สำหรับการบันทึกเกี่ยวกับยานพาหนะที่จะช่วยลดค่ามลพิษ และเนื่องจากราคารถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 51,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) ในเดือนธันวาคมปี 2023 ถือว่าเป็นราคาที่ต่างจากราคารถยนต์สันดาปประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ​ (ประมาณ 71,000 บาท)

นโยบายการเงินจาก FED เองก็ถือว่าเป็นตัวแปลสำคัญของระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ที่มีการลดอัตราเงินเฟ้อ ผู้ผลิตยานยนต์และบริษัทผลิตแบตเตอรี่ต่างก็ออกมาประกาศการลงทุนกว่า 88 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในรถยนต์ไฟฟ้าและโรงงานแบตเตอรี่

ปัจจุบันสหรัฐมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงกว่า 8,200 แห่ง หรือจะมี 1 ตู้ชาร์จไวสำหรับทุก ๆ 15 ปั๊มน้ำมันนั่นเอง ตัวเลขเหล่านี้เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนของกองทุนกว่า 7.5 พันล้าน เป็นแผนการลงทุนเพื่อโครงสร้างและส่งเสริมอาชีพ และขยายระบบเครือข่ายการชาร์จให้ได้ 500,000 แห่งภายในปี 2030 เหล่านี้เป็นการดำเนินงานโดยฝ่ายบริหารของ Biden-Harris ด้วยกลยุทธเพื่อพลังงานสะอาด

รถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดต้นทุนและทำให้มลพิษอากาศน้อยลง

CEO ของ Big Oil ได้ผลประโยชน์จากราคาพลังงานที่ผันผวนที่เกิดจากความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลางเนื่องจากความเจ็บปวดเกี่ยวกับราคาน้ำมัน ทำให้ Big Oil สามารถทำกำไรสุทธิได้มากกว่า 238 พันล้านเหรียญในปี 2021 และ 451 พันล้านเหรียญในปี 2022

ด้วยหลักฐานที่ปล่อยโดย Federal Trade Commission แสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันที่สูงตั้งแต่ช่วงปี 2021 ถึง 2023 เกิดจากการล่มสลายของบริษัทน้ำมัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในน้ำมันของครอบครัวชาวอเมริกัน 4 คน คิดเป็นเงิน 2,000-4000 เหรียญ (ประมาณ 72,000-143,000 บาท) ในปี 2021 อยู่ระหว่าง 15-30% ของต้นทุนเงินเฟ้อที่เพิ่มในปีนั้น

ไม่แปลกใจที่ผู้บริโภคจะหันมาเลือกใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การขับรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีราคาที่ตรงไปตรงมากว่าราคาน้ำมันที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะราคาไฟฟ้าทั้งต่ำกว่าและค่อนข้างคงที่ในแต่ละช่วงเวลา

อีกทั้งการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้ไม่เพิ่มมลพิษทางอากาศ เทียบกับท่อไอเสียจากรถยนต์สันดาปที่เป็นปัญหาหลักบนท้องถนนมายาวนาน และส่งผลโดยตรงกับสุขภาพของประชาชนให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด พัฒนาการของปอดบกพร่องในเด็ก และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

ดังนั้นสรุปได้ว่าการจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันก็ไม่ควรเชื่อในกระแสข่าวเหล่านี้ทั้งหมด เพราะกระเป๋าตังของคุณและปอดของคุณจะขอบคุณคุณที่หลังหากได้ลองมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน สำนักข่าว Forbes กล่าวไว้

ที่มา : Forbes

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.