ใน ,

โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกของ Great Wall Motors ในบราซิลจะเริ่มผลิตในปี 2024

Great Wall Motors จะเริ่มผลิตพลังงานไฮโดรเจน ที่แปลงมาจากเชื้อเพลิงเอทานอล ที่โรงงานในรัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล เริ่มดำเนินการในปี 2024 เตรียมขยายตลาดสู่อเมริกาใต้ต่อไป

โรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกของ Great Wall Motors ในบราซิลจะเริ่มผลิตในปี 2024

เมื่อเร็วๆนี้ Great Wall Motors (GWM) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับรัฐเซาเปาโล ในประเทศบราซิล เพื่ออัปเกรดโรงงาน อิเรซมาโพลิส (Iracemápolis) ประเทศบราซิลอย่างเป็นทางการ โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกของบราซิล ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ไฮบริด, รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

การอัปเกรดโรงงาน จะเริ่มในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100,000 คันต่อปี แต่คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2024 และคาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงานมากกว่า 2,000 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องที่

นอกจากนี้ GWM วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านเรอัลบราซิล (ประมาณ 6.83 หมื่นล้านบาท) สำหรับการดำเนินงานในบราซิลในอีก 10 ปีข้างหน้า โรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นรากฐานการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซึ่งครอบคลุมทั้งตลาดรถยนต์ภายในประเทศบราซิล และตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา

Geraldo Alckmin รองประธานาธิบดีบราซิล

รถยนต์ไฮบริดพลังงานทางเลือก Flex-Fuel Vehicle (FFV) คือพลังงานที่มีส่วนผสมของเอทานอล โดยประเทศบราซิลเป็นแหล่งผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลชั้นแนวหน้าของโลกและยังเป็นผู้บุกเบิกเอทานอลในการใช้กับเครื่องยนต์เบนซินอีกด้วย โดยมีเชื้อเพลิงผสมเอทานอลตั้งแต่ 10% ไปจนถึงเอทานอล 100% เลยทีเดียว เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 90%

รถกระบะไฮบริดพลังงานทางเลือก Flex-Fuel Vehicle

รถกระบะไฮบริดพลังงานทางเลือก FFV จะเป็นรถคันแรกที่จะผลิตที่โรงงานสำหรับตลาดในบราซิล ทาง GWM ระบุว่าขณะนี้กำลังพัฒนาและทดสอบรถกระบะไฮบริดพลังงานทางเลือก FFV และรถยนต์พลังงานปลั๊กอินไฮบริด ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเอทานอล ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดบราซิล เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของบราซิล ที่มีสภาพถนนที่ซับซ้อนและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ปัจจุบัน 80% ของพลังงานไฟฟ้ามาจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศบราซิล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 30%

Tarcísio de Freitas ผู้ว่าการรัฐเซาเปาโล

Tarcísio de Freitas ผู้ว่าการรัฐเซาเปาโล กล่าวว่า เชื้อเพลิงเอทานอลจะเป็นสะพานเชื่อมสู่การค้าขายรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน และเทคโนโลยีในการแปลงจากเชื้อเพลิงเอทานอลเป็นพลังงานไฮโดรเจนก็พร้อมแล้วและมีความเป็นไปได้ ทางบราซิลยินดีที่จะให้การสนับสนุนโครงการเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ระหว่างบราซิลและจีน เทคโนโลยีไฮโดรเจนใหม่นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพอากาศของโลก

ที่มา – CarNewsChina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S