ใน , ,

Hyundai เพิ่มไลน์อัปอีวีใหม่ “The New IONIQ 5 N Line” Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่ ด้วยชุดแต่งดีไซน์จากสนามแข่ง

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 อย่างเป็นทางการในไทย เข้ามาเสริมในไลน์อัป IONIQ 5 ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง แบตเตอรี่ใหม่ 84.0 kWh วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 530 กม. และเปิดราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 1,988,000 บาท

Hyundai เพิ่มไลน์อัปอีวีใหม่ “The New IONIQ 5 N Line” Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่ ด้วยชุดแต่งดีไซน์จากสนามแข่ง

กรุงเทพฯ 20 กุมภาพันธ์ 2568 – ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5 เจ้าของรางวัลระดับโลกด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ผสานกับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พัฒนาไดนามิกการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ การเปิดตัวรุ่น N Line ยังเป็นก้าวสำคัญของฮุนไดในการนำสุนทรียศาสตร์การออกแบบจากมอเตอร์สปอร์ตมาสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาทั้งดีไซน์สปอร์ตและความอเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “N Line คือการออกแบบพิเศษของฮุนไดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า โดยฮุนไดมุ่งทลายข้อจำกัดของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งรถยนต์ในรุ่น N Line ยังเป็นมากกว่าความสวยงาม เพราะผสมผสานทั้งองค์ประกอบดีไซน์แนวสปอร์ต ในขณะเดียวกันยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง IONIQ 5 N Line จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจในชีวิตประจำวัน”

IONIQ 5 N Line เปี่ยมพลังและนวัตกรรมที่ดีขึ้น

การอัปเกรดครั้งสำคัญของ IONIQ 5 N Line ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุดถึง 530 กม. (จากเดิม 481 กม. ในแบตเตอรี่ขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) มอบประสิทธิภาพและความมั่นใจในการเดินทางที่ไกลขึ้น นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ต ด้วยดีไซน์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น N Line เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ 

ภายในห้องโดยสารของ IONIQ 5 N Line ผสานความสปอร์ตและความสะดวกสบายระดับพรีเมียมอย่างลงตัว พวงมาลัยหุ้มหนังฉลุลายพร้อมตะเข็บด้ายแดง เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนได้แบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักขา เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตด้วยคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต แผงหน้าปัดดีไซน์ N Line และแผงบุหลังคาสีดำ คอนโซลกลางแบบ Universal Island ที่ปรับปรุงใหม่ วางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย พร้อมแท่นชาร์จไร้สายที่ย้ายมาตำแหน่งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

“Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่ด้วย IONIQ 5 N Line

IONIQ 5 N Line เป็นโมเดลแรกที่ทำตลาดพร้อมชุดแต่ง N Line ของฮุนได เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น โดยถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง IONIQ 5 และ รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง IONIQ 5 N ผสมผสานแรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ตมายังการออกแบบ IONIQ 5 N Line ภายใต้สโลแกน “Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยานยนต์กลุ่ม N ของฮุนได ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการโดดเด่นบนท้องถนนด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ในขณะที่ยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย และล้ำสมัย

IONIQ 5 N Line ผสานเทคโนโลยีล่าสุดของฮุนไดเพื่อมอบความมั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยและชาญฉลาด มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ด้วยหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ wireless  Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่สะดวกไร้สาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย IONIQ 5 N Line ยังติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense™ ซึ่งมีทั้งระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมในช่องเดินรถ (LFA) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go โดยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลของคุณ

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว IONIQ 5 N Line ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์อัปของ IONIQ 5 โดยผสานการออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะมาสู่ตลาดเมืองไทย ยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ IONIQ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮุนไดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม” 

IONIQ 5 N Line เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1.988 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสรถคันจริง ได้ที่ IONIQ Lab อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค ฝั่งเวสต์ ได้ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ IMPACT Challenger กรุงเทพฯ

สเปค IONIQ 5 N Line

  • มิติตัวรถ
    • ความยาว 4,655 มม.
    • ความกว้าง 1,890 มม.
    • ความสูง 1,605 มม.
    • ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
    • ระดับต่ำสุดจากพื้น : 160 มม.
    • ความจุเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) : 57 ลิตร
    • ความจุเก็บสัมภาระ (เมื่อพับเบาะ) : 520 – 1,580 ลิตร
    • น้ำหนักรถโดยประมาณ : 1,950 กก.
    • รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด : 5.99 เมตร
    • ขนาดล้ออัลลอย : 20 x 8.5J
    • ขนาดยาง : 255/45 R20
  • แชสซีส์
    • ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD)
    • ระบบพวงมาลัย : Rack & Pinion (R-MDPS Type)
    • ระบบส่งกำลัง : Single Speed Reduction Gear
    • Gear Rear Ratio : 2.263
    • Final Gear Ratio : 4.706
    • ระบบกันสะเทือน หน้า/หลัง : MacPherson Strut / Multi-link
    • ระบบเบรก หน้า/หลัง : ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
    • Vacuum Booster : Active Hydraulic Booster (Regenerative Brake)
  • พละกำลัง
    • มอเตอร์ไฟฟ้า : Permanent Magnet Synchronous Motor
    • กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด : 225 แรงม้า
    • แรงบิดสูงสุด : 350 นิวตันเมตร
    • ระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด : 530 กม. (WLTP)
    • แบตเตอรี่ : Lithium-Ion
    • ความจุแบตเตอรี่ : 84.0 kWh
    • ความเร็วสูงสุด : 185 กม./ชม.
    • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. : 7.5 วินาที
    • อัตราการใช้ไฟฟ้า : 17.2 kWh/100 กม. (WLTP)
  • การชาร์จแบบกระแสสลับ (AC)
    • รองรับการชาร์จ AC สูงสุด : 10.5 kW
    • ระยะเวลาการชาร์จ AC จาก 10-100% : 7.35 ชั่วโมง
  • การชาร์จแบบกระแสตรง (DC)
    • รองรับการชาร์จ DC แบบ Ultra-fast charging : 350 kW
    • ระยะเวลาการชาร์จ DC จาก 10-80% : 18 นาที
  • รองรับฟังก์ชัน Vehicle To Load (V2L) : 220 V / 3.6 kW / 15 A
  • ภายนอก
    • กันชนหน้าและหลังดีไซน์สปอร์ตเฉพาะรุ่น N Line
    • สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตเฉพาะรุ่น N Line
    • หลังคา Vision Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
    • ระบบไฟหน้าเปิดและปิดอัตโนมัติ
    • ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel LED
    • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED
    • ช่องระบบอากาศสำหรับรถยนต์ด้านหน้าแบบ Active Air Intakes
    • กระจกหน้าแบบ Acoustic
    • ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
    • กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า
    • ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างแบบ LED
    • สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
    • มือจับประตูแบบป๊อปอัพพร้อมเซนเซอร์
    • ประตูท้ายเปิดและปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบ Smart
  • ภายในและความสะดวกสบาย
    • พวงมาลัยโลโก้ N ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
    • พวงมาลัยปรับระดับ สูงและต่ำ เข้าและออก
    • เบาะหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N
    • เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าและที่ดันหลังฝั่งผู้ขับขี่
    • ระบบปรับเบาะอุ่นและเย็น พร้อมระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า
    • เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนแบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้า พร้อมที่พักขา
    • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง
    • ที่เก็บของหลังเบาะคู่หน้า
    • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับได้แบบ 60:40
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน (ปรับอิสระแยกซ้ายและขวา)
    • ช่องแอร์สำหรับเบาะแถวที่ 2
    • 12.3″ Full Color Display Supervision Instrument Cluster
    • ที่ชาร์จไฟแบบ USB-C จำนวน 4 ตำแหน่ง
    • ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ (Eco, Normal, Sport)
    • Regan Paddle Shifters
    • ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร Ambient Mood Light 64 สี
    • ไฟในห้องโดยสารแบบ LED
    • ช่องจ่ายไฟสำรอง 12 V
    • ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wirless Charger)
    • กระจกไฟฟ้าปรับขึ้นและลงอัตโนมัติพร้อมระบบกันหนีบ
    • กุญแจรีโมทพร้อมระบบ Smart Keyless Entry
    • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
    • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
    • เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold
    • V2L ภายใน พอร์ตสำหรับชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ
  • ระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อ
    • หน้าจอเครื่องเสียงและความบันเทิงแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว
    • รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
    • ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม BOSE™ With External Amplifier
    • ลำโพง 8 ตำแหน่ง
    • ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารไร้สาย Bluetooth
    • ช่อง USB-C เชื่อมต่ออุปกรณ์มัลติมีเดีย 1 ตำแหน่ง
  • ระบบความปลอดภัย
    • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ด้านหน้า x2 ด้านข้าง x2 ม่านถุงลม x2)
    • ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
    • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC (Electronic Stability Control)
    • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)
    • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake)
    • ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)
    • ระบบเซ็นเซอร์กะระยะการเข้าจอด (หน้า – ข้าง – หลัง)
    • ระบบกุญแจ Immobilizer
    • ชุดซ่อมยางชั่วคราว TMK (Temporary Mobility Kit)
    • ระบบ VESS จำลองเสียงเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัยสำหรับคนเดินถนน
  • Hyundai SmartSense
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Smart Cruise Control with Stop and Go)
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA (Lane Following Assist)
    • ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA (Forward Collision-avoidance Assist)
    • ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก FCA-JT (Forward Collision-avoidance Assist Junction Turning)
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่เลน LKA (Lane Keeping Assist)
    • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-spot Collision-avoidance Assist)
    • ระบบเตือนการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEW (Safe Exit Warning)
    • ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM (Blind-spot View Monitor)
    • กล้องมองรอบทิศทาง SVM (Surround View Monitor)
    • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าและเมื่อมีรถคันหน้าเคลื่อนที่ DAW (Driver Attention Warning)
    • ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist)
  • สีตัวถังภายนอก
    • สีแดง Ultimate Red Metallic
    • สีเทาด้าน Ecotronic Gray Matte
    • สีขาวด้าน Atlas White Matte
    • สีดำ Abyss Black Pearl
    • สีเงิน Cyber Gray Metallic

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.hyundai.com/th/th

ข่าวประชาสัมพันธ์จาก ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S