Nuttanon P.
Mercedes-AMG ยืนยัน “มอเตอร์ Axial-Flux จะเสมือน V8 ไฟฟ้าของตระกูล AMG ในอนาคต”
เมื่อพูดถึง AMG หลายคนคงนึกถึงรถซีดานตัวถังบึกบึนโป้งแน่น สปอยเลอร์ใหญ่ พร้อมเสียงคำรามของ V8 และความดิบแบบตระกูล Black Series แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจหลักของ AMG คือขุมพลัง V8 ที่เต็มไปด้วยอารมณ์และเสียงที่เป็นเอกลักษณ์
Michael Schiebe CEO ของ AMG ให้สัมภาษณ์ในงาน Munich Motor Show 2025 ว่า “การซื้อรถ AMG ไม่เคยเป็นเรื่องของเหตุผล แต่มันคืออารมณ์และความรู้สึก รถของเราในตอนนี้และอนาคตต้องตอบโจทย์ 2 อย่างหลัก ๆ หนึ่งคือสมรรถนะ และอีกหนึ่งคืออารมณ์ที่ผู้ขับจะได้รับจากเรา”
แต่ด้วยข้อจำกัดด้านมลพิษ และกฎ Zero Emission Vehicle (ZEV) รถที่เคยเป็นตำนานกำลังจะหายไป AMG จึงต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคไฟฟ้า นับตั้งแต่ Michael เข้ามารับตำแหน่งในปี 2023 ภารกิจหลักคือการทำให้ AMG ก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยจะต้องไม่สูญเสียจิตวิญญาณ V8 ที่แฟน ๆ คุ้นเคยไปครับ
Michael กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาแพลตฟอร์ม AMG.EA เราคิดทันทีว่าเราต้องสร้างเสียงจำลอง และให้อารมณ์การขับขี่ให้ใกล้เคียงรถสันดาปมากที่สุด ทำให้มอเตอร์ Axial-Flux ของเราต้องสเมือนเครื่อง V8 ไฟฟ้าของตระกูล AMG และนี่คือเหตุผลที่เราทุ่มทรัพยากร และเงินลงทุนมหาศาลให้กับแพลตฟอร์มนี้”
Mercedes-AMG GT XX คอนเซ็ปต์ที่ใกล้เคียงรถผลิตจริงที่สุดในตอนนี้ ถูกใช้เป็นต้นแบบทดสอบเทคโนโลยีใหม่ของ AMG.EA ภายในถูกออกแบบให้อารมณ์ไม่ต่างจากรถ AMG เพราะจะมีทั้งเสียงเครื่องยนต์ V8 เสมือนจริง ระบบเกียร์ที่สามารถมีเปลี่ยนจังหวะมีรอบเครื่อง (RPM) ที่จำลองขึ้นดึงให้เหมือนกับรถสันดาปของจริงมากที่สุด
Mercedes-AMG GT XX ได้ทำสถิติโลกใหม่ด้วยการวิ่ง 40,075 กม. ภายใน 7 วัน 13 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 220 กม./ชม.
GT XX จะถูกพัฒนาต่อยอดเป็นรุ่นผลิตจริงในปลายปี 2025 ในรูปแบบซีดาน 4 ประตู และจะตามมาด้วยรถ SUV สมรรถนะสูงในปี 2027 ถือเป็นทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก AMG ต้องรักษายอดขายเช่นเดียวกับแบรนด์สมรรถนะอื่น ๆ
แม้ว่า AMG เคยได้พลาดในการนำขุมพลัง 4 สูบ ไฮบริดเทอร์โบ มาใช้ใน AMG C63 รุ่นล่าสุด แต่ Michael มองว่านั่นคือบทเรียนสำคัญ “เราอาจรีบเกินไปกับเทคโนโลยีตัวนั้น และไม่ได้อธิบายให้เข้าใจชัดเจน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความรู้มากมายที่แบรนด์พร้อมจะต่อยอด”
Mercedes AMG C63 S E Performance
หนึ่งในผลลัพธ์คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Direct-cooled ระบายความร้อนได้โดยตรง ที่พัฒนาร่วมกับทีม Mercedes F1 High Performance Powertrains และตอนนี้ได้เป็นหัวใจหลักของสถาปัตยกรรม AMG.EA ไปเรียบร้อยแล้ว
Michael ได้ย้ำว่าระบบไฮบริดยังมีบทบาทสำคัญกับอนาคตของ AMG โดยเฉพาะการยืดอายุให้อยู่ได้ยาวขึ้น เพราะขุมพลัง V8 ที่ยังคงขายดีอยู่ในตอนนี้ “เราจะมีรถไฮบริดต่อไป และมันจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ในอนาคตของ AMG”
ที่มา : Carmagazine
