แชร์ประสบการ์การใช้งานจริง Leapmotor C10 รถ SUV ไฟฟ้าสำหรับครอบครัว เพิ่งเปิดตัวในงาน Motor Expo 2024 เปิดราคา 1,098,000 บาท เรามาหาคำตอบกันว่าผู้เล่นหน้าใหม่ใน C-SUV คันนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ช่วงล่างแบรนด์เคลมว่าได้รับการจูนโดย Maserati
ประสบการณ์ใช้งาน Leapmotor C10 รถ SUV ไฟฟ้าครอบครัว ขับดีช่วงล่างโดย Maserati นุ่มขับดีจนตกใจ แต่ฉลาดได้อีก
ถ้าพูดถีงรถยนต์ไฟฟ้า C-SUV ในบ้านเราหลาย ๆ คน คงนึกถึง Tesla Model Y, XPENG G6, BYD Sealion 07, Aion HT หรือ Deepal S07 วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับผู้เล่นหน้าใหม่ใน Segment เดียวกัน คันนี้คือ Leapmotor C10 รถยนต์ไฟฟ้า C-Segment SUV สำหรับครอบครัว ที่แบรนด์ชูในเรื่องของความชาญฉลาด พื้นที่กว้างขวาง และสบาย
เครือ Stellantis
Leapmotor เป็นแบรนด์สัญชาติจีนที่อยู่ในเครือยักษ์ใหญ่อย่าง Stellantis ที่เป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Maserati, Jeep, Alfa Romeo, Peugeot, Dodge และอื่น ๆ อีกมากมาย โดย Stellantis ได้ถือหุ้น 51% ส่วน Leapmotor ถือหุ้นอยู่ 49% โดยช่วงไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้วได้เริ่มทำการตลาดต่างประเทศ โดยโซนบ้านเราเปิดตัวที่แรกคือมาเลเซีย และต่อด้วยประเทศไทยครับ
พระนครออโตโมบิล จำกัด (PNA)
โดย Leapmotor ได้ผ่านการจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัทพระนครยนตรการ และได้เปิดตัวแบรนด์ Leapmotor และ C10 คันนี้ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา
Leapmotor C10 และราคา
Leapmotor C10 เปิดตัวเพียงรุ่นเดียว ราคาที่ 1,098,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยสำหรับรถ Segment เดียวกัน เรามาหาคำตอบกันว่าด้วยราคาล้านต้นได้รถไซส์นี้จะคุ้มค่าเงินหรือไม่ มีอะไรที่น่าสนใจ การขับขี่จะเป็นอย่างไรเพราะแบรนด์เคลมมาเลยว่าได้รับการปรับเซ็ทช่วงล่างโดยวิศวกรจาก Maserati
มิติตัวถัง
- ยาง 4,739 x กว้าง 1,900 x สูง 1,680
- ฐานล้อยาว 2,825 มม.
- Ground Clearance 190 มม.
Leapmotor C10 จอดเทียบกับ Tesla Model Y / Peugeot 3008 / Mazda CX-5 / Range Rover Discovery
สีตัวถัง
- สีเขียว Glazed Green
Platform
Leapmotor C10 ใช้แพลตฟอร์ม LEAP 3.0 ได้เทคโนโลยี Cell-To-Chassis 2.0 เป็นการออกแบบเซลล์แบตแบตเตอรี่ให้เข้ากับตัวถังทำให้ห้องโดยสารกว้าง อีกทั้งยังเพิ่มความจุแบตเตอรี่ได้ 17.5% แพลตฟอร์มนี้รองรับทั้งรุ่น BEV และมีรุ่น EREV/REEV จำหน่ายที่ตลาดต่างประเทศด้วยครับ วิ่งโหมดไฟฟ้าล้วน 210 กม. (มาตรฐาน CLTC) วิ่งได้ระยะทางรวมสูงสุด 1,190 กม. (มาตรฐาน CLTC)
สเปคแบตเตอรี่
- ชนิดแบตเตอรี่ LFP
- แบตเตอรี่ความจุ 69.9 kWh
- ระยะที่วิ่งได้ 477 กม./ชาร์จ (NEDC)
- ระยะที่วิ่งได้ 424 กม./ชาร์จ (WLTP)
- รองรับชาร์จไว AC 6.6 kW
- รองรับชาร์จไว DC 84 kW
- ชาร์จไวจาก 30-80% ใน 30 นาที
- รองรับระบบ V2L
ทดลองชาร์จตู้ Elexa 125kW แบบไม่แชร์คันอื่นไฟเข้าสูงสุดที่ 86 kW ไฟเข้าเกินสเปคกันเลยทีเดียวครับ ชาร์จจาก 27-80% ประมาณ 34 นาที ถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมไว้ครับ สำหรับช่วงที่แชร์ชาร์จไฟตอนแบต 27% ไฟเข้าที่ 48 kW
สเปคสมรรถนะ
- มอเตอร์เดี่ยว (ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD)
- พละกำลัง 160kW (214 แรงม้า)
- แรงบิด 320 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 ใน 7.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
- ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut
- ช่วงล่างด้านหลัง Multi-Link
ดีไซน์ภายนอก
สำหรับคันนี้เป็นรถขนาด C-SUV ปลาย เพื่อให้เห็นภาพขนาดคันนี้จะใกล้เคียงกับ BMW X3, GLC, Mazda CX-5 และ Honda CR-V ส่วนฝั่งของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใกล้เคียงกับ XPENG G6 และ Tesla Model Y
ไฟหน้า LED ดีไซน์ “Angel Wings” คล้ายกับ Smart กับ Volkswagen สเปคไทยจะไม่ได้เส้น DRL คาดตรงกลาง รองรับเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Auto Highbream ไฟหน้าวิ่งได้แบบ Sequential ตอน Welcome light พร้อมเป็นไฟเลี้ยวในตัว
- Active Grille Shutter (AGS) เปิด-ปิด อัตโนมัติ ช่วยเรื่องหลักแอร์โรไดนามิกที่ดี
- ตะขอพ่วงด้านหน้า
- ช่องลม Air Curtain ทะลุจริง
- กล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมมองทะลุใต้รถ
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย Trident (ตรีศูล)
- ยาง Dunlop Sport Maxx สำหรับ SUV 245/45 R20
- ไฟท้าย LED คาดยาว พร้อมไฟตัดหมอกด้านท้าย
- สปอร์ยเลอร์หลัง พร้อมซ่อนที่ปัดน้ำฝนกระจกหลังไว้
- พื้นที่เก็บสัมภาระตอนท้าย 435 ลิตร / หากพับเบาะ 900 ลิตร
- เบาะพับ 60/40 สามารถใส่ถุงกอล์ฟได้แนวทะแยงได้ หรือใส่กระเป๋าขนาด 20 นิ้วได้สูงสุด 20 ใบหากพับเบาะ
- คันนี้ไม่มี Frunk หรือพื้นที่เก็บสัมภาระตอนหน้าเพราะ Leapmotor C10 ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเครื่องยนต์ในรุ่น EREV ครับ
ดึไซน์ภายใน
- ภายในคันนี้ได้สีน้ำตาล Criollo Brown
- เลย์เอาต์ Cockpit รูปตัว T
- หลังคา Panoramic Glass Roof ขนาดใหญ่ 2.1 เมตร
- เบาะหนังซิลิโคนผ่านการรับรอง OEKO-Tex Standard 100® ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อเด็กทารก
- ระบบ Leap OS 4.0 ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8155
- รองรับการอัพเดท Software แบบ OTA
- จอกลาง 14.6 นิ้ว
- หน้าจอหลังพวงมาลัย 10.2 นิ้ว
- Ambient lighting 64 สี
- พร้อมระบบกระพริบแจ้งเตือน และกระพริบตามจังหวะเพลง
- Voice Assistant สั่งการแยก 2 โซน
- ลำโพง 12 ตัว
- เสียงลำโพงไม่แย่ครับ ปรับตั้งค่าได้ละเอียด มีโหมดหลากหลายซึ่งให้มิติที่แตกต่างกันจริง ๆ และสามารถ EQ เสียงเองได้
- เบาะนั่งนุ่มสบายทุกที่นั่ง ขับทางไกลไม่เมื่อย พร้อมเบาะเป่าลม Ventilation สำหรับเบาะคู่หน้าปรับได้ 3 ระดับ
ประสบการณ์การขับขี่ Driving Experience
พอได้กระโดดขึ้นบน Leapmotor C10 วิสัยทัศน์คันนี้ถือว่าดี สามารถกะตัวรถได้ง่ายแม้จะมีไซส์ที่ใหญ่ ด้วยรถที่ดีไซน์โค้งมนแบบพอดีทำให้กะการจอดหรือเข้าซองให้ตัวรถจอดตรงขนานเส้นได้ง่าย รวมถึงสามารถใช้งานร่วมกับกล้อง 360 องศา
พวงมาลัยคันนี้เบาขับสบายและง่ายมาก แต่หากใช้ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจะมีน้ำหนักที่เพิ่มตามถือว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ สำหรับใครอยากให้หนักขึ้นโหมด Sport จะหน่วงพวงมาลัยให้ตึงขึ้น สำหรับผมถือว่าเป็นน้ำหนักพวงมาลัย Sport ที่ดีมาก ๆ ควบคุมได้ดั่งใจกว่าคู่แข่งใน Segment เดียวกัน
เบรกถือว่านุ่มนวลแต่ยังไม่ Linear กดเบรกนิดหน่อยแล้วแอบ Sensitive หน้าทิ่มทำให้ต้องฝึกกะจังหวะการกดเบรก แต่ยังไม่ Sensitive เท่า Avatr 11 จากที่ลองมาหากปรับเป็นโหมดสปอร์ต จะสามารถกะการเบรกได้ง่ายที่สุด แต่ไฮไลท์คือ One Pedal คันนี้ทำออกมาได้ดีเลย จังหวะปล่อยคันเร่งรถสามารถเบรกได้นุ่มนวลจนกระทั่งรถหยุดนิ่ง และรอยต่อไป Auto Hold ทำได้เนียนมาก ๆ ครับ
ช่วงล่างคันนี้เซ็ตมานุ่มนวลตามสไตล์รถ SUV ครอบครัว แต่ที่เซอร์ไพรส์คือคันนี้มี Feedback ถนนกลับมาดีมาก ๆ ทำให้เวลาเข้าโค้งมั่นใจกว่าคู่แข่งใน Segment เดียวกัน ทำให้เรารู้สึกถึงผิวถนนได้ชัดเจน ส่วนเรื่อง Body Roll หรืออาการโยนตัวรถถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับขนาดตัว และการซับถนนทำได้นุ่มนวลและไม่เด้งต่อครับ
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าที่ผมใช้งาน 3 วัน ใช้งานในเมืองเชียงใหม่ ขับจากเชียงใหม่ไปลำปางมีการใช้ความเร็วในบางช่วง ไม่ได้เลี้ยงความเร็ว สามารทำตัวเลขเฉลี่ยได้ที่ 16.9 kWh ถือว่าใช้ได้ครับ
ระบบ ADAS แต่ละระบบถือว่าใช้งานได้ดี ระบบ Adaptive Cruise Control ใช้งานได้ดีเว้นระยะห่างและลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้ดี แต่ตอนออกตัวต้องเหยียบคันเร่งเล็กน้อยเพื่อเริ่มทำงานทำให้บางครั้งระบบตัดเอง
หากตบก้านเกียร์ 2 ครั้งจะเป็นการทำงาน LEAP Pilot Driving เป็นการทำงานระหว่าง ACC กับ LCC เหมือนกับ Auto Steering ยังถือว่ายังต้องปรับปรุงการอ่านเส้นถนน เพราะหลายสถานการณ์ยังอ่านเส้นถนนไม่ออกทำให้ระบบไม่ทำงาน รถสามารถเลี้ยวเข้าโค้งเองได้แต่มันจะยกเลิก LCC กระทันหันหากอ่านเส้นไม่ออกทำให้ตัวรถหลุดโค้งได้ง่าย ๆ เลย สรุปคือ (อันตรายครับ) ไม่แนะนำให้ใช้งานในช่วงทางโค้งด้วยความเร็ว!
วงเลี้ยวคันนี้ถือว่าดีใช้ได้ทำให้การยูเทิร์นหรือขับที่แคบได้ไม่ยาก การขับขี่ในเมืองถือว่าขับได้ไม่ยากเลยครับ สามารถเร่งแซงหรือเปลี่ยนเลนได้นุ่มเนียน สามารถซับรอยต่อของถนนที่ขรุขระในเส้นคูเมืองเชียงใหม่ได้นุ่มนวล (ถนนซ่อมแล้วซ่อมอีก)
การขับขี่นอกเมืองถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ การเข้าโค้งย่านความเร็วสูงรถเกาะถนนเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ขับสนุกแม้รถจะไม่ได้เร็วแต่ทำให้ยิ้มได้ระหว่างเข้าโค้ง การเก็บเสียงคันนี้ถือว่าทำได้ดีเสียงล้อคู่หน้าเข้ามาน้อยมาก แต่เสียงลมจะเริ่มมาช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. เป็นต้นไป ย่านความเร็วสูงตัวรถนิ่งใช้ได้ แต่หากใช้ความเร็วและหักพวงมาลัยตัวรถจะเริ่มมีอาการตามสไตล์รถขับหลังแต่ไม่ได้น่ากลัวเนื่องจากระบบ ESC ช่วยจัดการเสถียรภาพตัวรถไว้
ระหว่างการขับขี่จะมีกล้องตรวจจับผู้ขับขี่ คอยแจ้งเตือนเวลาคุณห้าว หรือละสายตาออกจากถนน เพิ่มความปลอดภัยเวลาเดินทางไกล แต่หากในเมืองอาจจะเตือนบ่อยไป แต่เราสามารถเข้าไปปิดได้ที่ระบบ Distraction Warning ครับ
สิ่งที่ยังไม่ชอบ
- แบตวิ่งได้น้อยถ้าเทียบกับ Segement เดียวกัน
- ไม่รองรับ Apple CarPlay & Android Auto
- ระบบไม่จดจำสิ่งที่ตั้งค่าไป เช่น การตั้งค่า Driving และ ADAS
- จะเปลี่ยนโหมด One Pedal และ Creep ต้องจอดเข้าเกียร์ P เท่านั้น
- สั่งการทุกอย่างผ่านจอกลาง แต่ UX/UI ยังใช้ไม่สะดวกเท่าที่ควร
- รถไหลบ่อยแม้อยู่ในเกียร์ D
ข้อดี
- ช่วงล่างนุ่มแต่ Feedback ถนนกลับมาชัดเจน เข้าโค้งมั่นใจ Body-Roll น้อย นั่งหลังก็ยังสบาย
- One Pedal หน่วงได้ดีจนรถหยุดนิ่งแบบเนียนมาก
- เบาะนุ่มทุกที่นั่ง มีเป่าลม Ventilation สำหรับเบาะคู่หน้า
- สามารถพับเบาะราบเรียบทำให้นั่งรอชาร์จ หรือแคมปิ้งได้สบาย
- กระจกอัตโนมัติ 4 บาน พร้อมระบบกันหนีบทุกบาน
- เก็บเสียงดีใช้ได้