มาชมการเปรียบเทียบเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระหว่าง Waymo และ Tesla ว่ามีความแตกต่างด้านฮาร์ดแวร์ เซ็นเซอร์ และกลยุทธ์โดยรวมในการพัฒนาอย่างไร รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่ควรทราบ
เปรียบเทียบฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งบนรถ Robotaxi ของ Waymo และ Tesla แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างด้านฮาร์ดแวร์
Waymo เน้นการใช้เซ็นเซอร์ที่หลากหลายและจำนวนมาก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำที่สุด ประกอบด้วย
- กล้อง: 29 ตัว
- เซ็นเซอร์ LiDAR: 5 ตัว
- เรดาห์ : 6 ตัว
Tesla เน้นการพึ่งพา Computer Vision และ AI เป็นหลัก หรือเรียกว่า Tesla Vision โดยมีจำนวนกล้องที่น้อยกว่าและไม่ใช้ LiDAR ประกอบด้วย
- กล้อง: 9 ตัว
- เรดาห์: ไม่ได้ระบุจำนวนชัดเจนในภาพ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า Tesla มีการลดหรือเลิกใช้เรดาร์ในบางรุ่นหรือบางตลาด เพื่อพึ่งพากล้องเป็นหลัก
รายละเอียดการติดตั้งเซ็นเซอร์
Waymo ติดตั้งอุปกรณ์บนรถ Jaguar I-Pace
- LiDAR: ติดตั้งบนหลังคา ขนาดใหญ่โดดเด่น, ด้านหน้า, ด้านข้างของตัวรถ 2 ฝั่ง และด้านหลัง
- กล้อง: กระจายอยู่รอบคัน ทั้งบนหลังคา, ด้านหน้า, ด้านข้าง ตรงบังโคลน, และด้านหลัง
- เรดาห์: กระจายอยู่รอบคัน
- ส่วนประมวลผล: อยู่บริเวณด้านหลังของรถ (วงกลมสีเหลือง)
Tesla ติดตั้งอุปกรณ์บนรถ Tesla Model Y
- กล้อง: ติดตั้งอยู่บริเวณกันชนหน้า กระจกหน้า (ด้านบน), เสา B-pillar (ด้านข้าง), ด้านหลังของรถ และกล้องภายในรถ
- ไม่ได้แสดงการติดตั้ง LiDAR หรือ Radar ที่ชัดเจนบนตัวรถ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของ Tesla
ความแตกต่างด้านราคาและการวางจำหน่าย
Waymo ราคาตัวรถโดยประมาณ: $200,000+ บ่งชี้ถึงต้นทุนที่สูง ซึ่งมากจากฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน
- สถานะ Not For Sale หมายถึง ปัจจุบัน Waymo ให้บริการในรูปแบบ Robotaxi หรือบริการขับขี่อัตโนมัติ ไม่ได้จำหน่ายรถให้กับผู้บริโภคทั่วไป
Tesla ราคาตัวรถโดยประมาณ: $37,490 หากเทียบกับ Waymo แล้ว เห็นได้ว่าราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
- สถานะ For Sale หมายถึง รถยนต์จำหน่ายให้กับผู้บริโภคทั่วไป หากต้องการขับขี่อัตโนมัติต้องซื้อฟังก์ชัน Autopilot และ Full Self-Driving ที่เป็นตัวเลือกเสริมเพิ่ม (แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดให้เจ้าของรถ Tesla ให้บริการ Robotaxi นะ)
แนวทางที่ต่างกัน แต่ให้บริการรับ-ส่งไร้คนขับได้
Waymo เลือกใช้แนวทางที่เน้นฮาร์ดแวร์เป็นหลัก โดยติดตั้งเซ็นเซอร์หลากหลายประเภทและติดตั้งกล้องเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างระบบที่แม่นยำสูงและมีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนที่สูงและจำกัดการใช้งานเฉพาะในรูปแบบบริการแท็กซี่ไร้คนขับ
Tesla เลือกใช้แนวทางที่เน้นซอฟต์แวร์เป็นหลัก โดยเน้นไปที่การประมวลผลภาพจากกล้องและ AI เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม เพื่อให้การขับขี่อัตโนมัติมีความแม่นยำ ปลอดภัย และราบรื่น
การเปิดให้บริการในปัจจุบัน แผนการขยายบริการ และค่าบริการ
Waymo เปิดให้บริการแล้ว 5 เมือง ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ลอสแอนเจลิส, ฟินิกส์, ซานฟรานซิสโก, แอตแลนต้า และออสติน โดยมีรถให้บริการมากกว่า 1,500 คัน บริษัทมีแผนขยายการให้บริการไปยัง ไมอามี และวอลชิงตันดีซี เร็ว ๆ นี้ ค่าบริการของ Waymo ขึ้นอยู่กับพื้นที่และระยะทาง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $10-$20
Tesla เปิดให้บริการในพื้นที่จำกัด ทางตอนใต้ของเมืองออสติน ในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นด้วยจำนวนน้อย อาจจะประมาณ 10 คัน และมีแผนที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 20, 30, 40 คัน และตั้งเป้าที่จะมี Robotaxi ที่ใช้งานอยู่ถึง 1,000 คันภายในไม่กี่เดือน
สำหรับแผนของ Tesla ที่จะขยายบริการ Robotaxi ไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ หลังจาก Austin ก็จะเป็น San Francisco และ Los Angeles รวมถึง San Antonio
ส่วนค่าบริการของ Tesla Robotaxi ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเดินทางในพื้นที่จำกัด Tesla จึงคิดค่าบริการ $4.2 ต่อเที่ยว และในอนาคตก็จะมีการปรับเปลี่ยนตามพื้นที่และสถานการณ์อีกครั้ง
ขอบคุณภาพจาก TeslaInsider , reuters และ Waymo