ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อย Standard ใหม่ที่ราคาเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับ Model 3 และ Model Y ทำให้ Tesla ได้เริ่มต้นกลยุทธ์การลดต้นทุนอย่างจริงจังและ แม้ว่าราคาที่ถูกลงจะดึงดูดใจ แต่มันก็เกิดขึ้นได้จากการตัดฟีเจอร์ต่าง ๆ ออกไป รวมถึงการลดเกรดทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
Tesla Model 3/Y รุ่น Standard ถูกลง 2 แสน! เปิดลิสต์ 20+ ฟีเจอร์ที่หายไป… คุ้มหรือไม่?
การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อนำมารวมกัน มันแสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจนของประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่แตกต่างและความเป็น Standard มากขึ้นโดยสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับรุ่นย่อย Premium ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อใหม่ นอกเหนือจากการถอดคีย์การ์ดและระบบ TPMS ระบบตรวจวัดลมยาง แบบ Direct ออกไปก่อนหน้านี้ คู่มือผู้ใช้ Tesla ฉบับล่าสุดยังเผยให้เห็นการถอดฟีเจอร์อื่น ๆ ออกอีกด้วย
พวงมาลัยอุ่นจะหายไป
แม้ว่า Model 3 และ Model Y รุ่น Standard ใหม่ทั้งคู่จะมีพวงมาลัยอุ่นมาให้เป็นมาตรฐาน แต่ฟีเจอร์นี้อาจกำลังจะถูกถอดออก อย่างน้อยก็ในบางภูมิภาค คู่มือผู้ใช้ของ Tesla ตอนนี้มีข้อความว่า “if equipped” และ “หมายเหตุ: ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย, การกำหนดค่า, และวันที่ผลิต รถของคุณอาจไม่ได้ติดตั้งพวงมาลัยอุ่น”
แม้ว่านี่จะไม่ใช่การยืนยันว่าฟีเจอร์นี้จะถูกถอดออก แต่การเพิ่มข้อความนี้เข้ามาก็ทำให้เราสงสัยว่า Tesla จะถอดฟีเจอร์นี้ออกในบางภูมิภาคหรือไม่ ซึ่งอาจสมเหตุสมผลที่จะถอดฟีเจอร์นี้ออกในภูมิภาคที่อากาศอุ่น และเป็นที่ที่พวงมาลัยอุ่นจะไม่มีวันได้ใช้งาน แต่เราคงต้องรอดูต่อไปว่ามันจะส่งผลกระทบต่อรุ่นและภูมิภาคใดบ้าง
พอร์ตชาร์จ NFC
น่าสนใจที่ Tesla ได้ถอดความสามารถ NFC ของพอร์ตชาร์จ ที่ใช้สำหรับการเปิดฝาโดยการกดปุ่มบนหัวชาร์จ Mobile Connector, Wall Connector หรือ Supercharger ออกไป Tesla ระบุว่า “รถยนต์บางรุ่นอาจตรวจไม่พบเมื่อคุณกดปุ่มบนสายชาร์จ”
สิ่งนี้คล้ายกับรถยนต์รุ่นเก่า ที่รถจะต้องปลุกก่รถอน ปุ่มบนสายชาร์จจึงจะสามารถเปิดพอร์ตชาร์จได้ โดยทั่วไป เจ้าของรถจะต้องเปิดประตูบานใดบานหนึ่งเพื่อ “ปลุก” รถก่อน ซึ่งจะทำให้ปุ่มที่พอร์ตชาร์จกลับมาทำงานได้
การซีลและน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของ Frunk
วัสดุบุภายใน Frunk ของรุ่น Standard ทำจากวัสดุคล้ายผ้า และไม่มียางซีลกันน้ำที่ด้านล่างของฝากระโปรงหน้า ซึ่งหมายความว่า Frunk ในรุ่น Standard นั้ นไม่กันน้ำ แม้ว่าขนาดของ Frunk จะเท่ากับรุ่นอื่น ๆ แต่น้ำหนักบรรทุกสูงสุดลดลงอย่างมาก
Frunk ของรุ่น Premium สามารถรับน้ำหนักได้ 110 ปอนด์ (50 กก.) ในขณะที่ Frunk ของรุ่น Standard รับน้ำหนักได้เพียง 65 ปอนด์ (30 กก.) นอกจากนี้ ยังไม่มีจุกระบายน้ำใน Frunk ของรุ่น Standard ด้วย
การตัดฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
Tesla ได้ตัดฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายออกจากรุ่น Standard เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถทำราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นได้ และรายการต่อไปนี้คือฟีเจอร์หลัก ๆ บางส่วนที่ถูกตัดออกหรือเปลี่ยนแปลงไป
- ไม่แถมคีย์การ์ด (Key Cards)
- ถอดระบบ TPMS แบบ Direct
- มีเพียงเบาะนั่งอุ่นคู่หน้า (ไม่มีเบาะหลังอุ่น)
- ไม่มีเบาะนั่งระบายอากาศ (Ventilated Seats)
- ถอดไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient lighting)
- ไม่มีหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
- ไม่มีระบบ Basic Autopilot
- ระบบเครื่องเสียงที่ถูกลดเกรด ลำโพง 7 ตัว
- การปรับพวงมาลัยและกระจกมองข้างด้วยมือ (Manual)
- ไม่มีกระจกมองข้างแบบตัดแสง (Dimmable Mirrors)
- ระบบช่วงล่างแบบ Passive ธรรมดา ไม่มี FSD (Frequency Selective Damping)
- ช่องแอร์ด้านหลังแบบปรับด้วยมือ
- ไม่มีวิทยุ FM/AM
- คอนโซลกลางแบบเปิดโล่ง ไม่มีฝาปิด
- ไม่มีปุ่มควบคุมเบาะนั่งแบบ Physical ต้องปรับที่หน้าจอ
- ไม่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA ใน Model Y
- วัสดุบุหลังคาเป็นผ้า ใน Model Y
- ไม่มีแถบไฟส่องสว่างด้านหน้า/หลัง (Lightbar) ใน Model Y
- ไม่ได้ไฟหน้าแบบ Matrix
กลยุทธ์ของ Tesla
รายการการถอดและเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ที่มากมายขนาดนี้ ช่วยให้ Tesla สามารถลดราคารถยนต์ลงได้ $5,000 – $6,000 (ประมาณ 185,000 – 222,000 บาท) หรือประมาณ 13%
แต่การเลือกซื้อ ก็อยู่กับผู้ซื้อแต่ละคนที่จะตัดสินใจว่าการตัดฟีเจอร์เหล่านี้คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่ง Tesla กำลังตรวจสอบรายละเอียดต้นทุนวัสดุของ Model 3 และ Model Y อย่างละเอียดและถอดส่วนประกอบทุกชิ้นที่ไม่จำเป็น ต่อการทำงานหลักหรือประสบการณ์หลักของรถออกไป
แม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ Tesla สามารถทำราคาที่ดึงดูดและขยายตลาดได้ แต่ก็เปลี่ยนคำจำกัดความของ “การเป็นเจ้าของ Tesla” ไปด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์ที่พื้นฐานกว่าและมีฟีเจอร์น้อยกว่า ซึ่งสร้างเหตุผลที่ชัดเจนและจูงใจให้ผู้ซื้อจำนวนมากยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 2,000-3,000 ดอลลาร์เพื่อซื้อรุ่น Premium แทน
ที่มา notateslaapp