Tesla กำลังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่อาจช่วยชีวิตเด็ก ๆ ได้ในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา และถือว่ามีประโยชน์และมอบความปลอดภัยได้มากขึ้น
Tesla เพิ่มฟีเจอร์การตรวจจับเด็กที่ถูกทิ้งในรถในยุโรปแล้ว พร้อมสิ่งใหม่ในซอฟต์แวร์เวอร์ชัน V2025.32.6
หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กที่สามารถป้องกันได้มากที่สุด คือการถูกทิ้งไว้ในรถเพียงลำพัง โดยเฉลี่ยแล้วมีเด็กถึง 37 คนเสียชีวิตทุกปีจากการถูกทิ้งไว้ในรถที่ร้อนจัด สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากโรคลมแดด ซึ่งเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเหตุการณ์ที่เด็ก ๆ ถูกทิ้งไว้ในรถจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายบริษัทพยายามแก้ไขด้วยการสร้างระบบแจ้งเตือนและฟีเจอร์ต่าง ๆ ของตนเอง
Tesla ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Tesla ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Child Left Alone Detection การตรวจจับเด็กที่ถูกทิ้งไว้ ในสหรัฐอเมริกา โดยมีรายละเอียดดังนี้
หากตรวจพบว่ามีเด็กถูกทิ้งไว้ในรถ รถจะกะพริบไฟฉุกเฉินภายนอก เล่นเสียงเตือน และส่งการแจ้งเตือนไปยังแอป Tesla ซึ่งจะทำซ้ำเป็นระยะ ๆ จนกว่าผู้ใช้จะกลับมาที่รถ ข้อมูลภายในรถจะถูกประมวลผลภายในตัวรถเท่านั้นและจะไม่มีการส่งไปยัง Tesla
ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น หากต้องการปิดการใช้งาน ให้ไปที่ส่วน Controls > Safety > Child Left Alone Detection
ฟีเจอร์นี้จะใช้เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก ที่ตรวจจับการเต้นของหัวใจ, กล้องภายในรถ ที่ตรวจจับความเคลื่อนไหว และ การแจ้งเตือน เพื่อบอกให้ผู้ปกครองทราบหากลืมเด็กไว้ในรถ
ในตอนแรก ฟีเจอร์นี้เปิดตัวเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้เริ่มนำมาใช้ในตลาดยุโรปแล้ว ตามข้อมูลจาก Not a Tesla App ซึ่งตรวจพบการเปิดตัวในซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 2025.32.6 ยังไม่รองรับในประเทศไทย
ซอฟต์แวร์เวอร์ชัน V2025.32.6 มีอะไรใหม่
นอกจากนี้ในการอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 2025.32.6 ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย ได้แก่
Rave Cave
ฟีเจอร์ Rave Cave ของ Tesla จะจดจำการตั้งค่าของผู้ใช้ไว้ หากเปิดใช้งาน รถจะเปิดโหมด “สร้างบรรยากาศสนุกสนาน” โดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ P (จอดรถ) สามารถตั้งค่าได้ที่ App Launcher > Toybox > Light Sync
การอัปเกรดระบบถุงลมนิรภัยด้านหน้า (Frontal Airbag System Enhancement)
การอัปเกรดนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยใช้ระบบ Tesla Vision ที่ช่วยให้ถุงลมนิรภัยทำงานได้อย่างล้ำสมัยในกรณีที่เกิดการชนด้านหน้า การทำงานนี้จะช่วยให้ถุงลมนิรภัยเริ่มพองตัวและรองรับผู้โดยสารได้เร็วกว่าเดิม ซึ่งทำได้ด้วยระบบที่รวมเป็นหนึ่งเดียวของ Tesla ทำให้รถปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับรถยนต์รุ่น Model 3 และ Model Y ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป รวมถึงรถบางคันที่ผลิตในปี 2022 ด้วย
โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode)
โหมดประหยัดพลังงานจะช่วยรักษาพลังงานในขณะที่รถจอดอยู่ โดยจะปิดการทำงานของฟีเจอร์ที่กินพลังงาน สามารถเปิดโหมดนี้ได้เองเมื่อต้องการจอดรถเป็นเวลานาน หรือตั้งค่าให้เปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่ลดลงถึงเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด สามารถตั้งค่าได้ที่ Controls > Charging > Low Power Mode
การอัปเดตย่อย (Minor Updates)
- สามารถตั้งค่าโหมด Dog Mode ให้มีอุณหภูมิต่ำสุดได้ที่ 18°C
- ระยะทางที่คาดการณ์จากแบตเตอรี่จะมีการคำนวณจากลักษณะการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เพิ่มเติม (สำหรับรถรุ่น Legacy Model S & Model X)
- การอัปเดตนี้มีการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญและปรับปรุงประสิทธิภาพ
- มีการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
การแจ้งเตือนสำหรับ Grok
สำหรับรถยนต์ที่มี Grok ซึ่งเปิดตัวในการอัปเดตเวอร์ชัน 2025.26 ทาง Tesla ได้เพิ่มความแตกต่างระหว่างการกดปุ่มไมโครโฟนค้างไว้ (หรือปุ่มเลื่อนด้านขวาสำหรับรถรุ่นเก่า) และการกดเพียงแค่แตะ
- การกดปุ่มค้างไว้ จะเป็นการเปิดใช้งาน Grok
- การแตะเพียงครั้งเดียว จะเป็นการเปิดใช้งานระบบสั่งการด้วยเสียงแบบเก่า ในการอัปเดตนี้ Tesla จะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าจำเป็นต้องกดปุ่มไมโครโฟนค้างไว้เพื่อเปิดใช้งาน Grok ทุกครั้งที่เปิดใช้งานระบบสั่งการด้วยเสียง
ยังไม่รองรับในไทย
PIN to Drive รองรับการเริ่ม FSD จากโหมดจอดรถ
ฟีเจอร์ Start FSD from Park ที่ล้ำสมัยของ Tesla ซึ่งช่วยให้รถสามารถเปลี่ยนจากเกียร์จอดรถและเริ่มขับได้โดยมีผู้ขับขี่คอยดูแล ตอนนี้มีให้ผู้ใช้มากขึ้นแล้ว เดิมฟีเจอร์นี้ไม่สามารถใช้งานได้ หากใช้ฟีเจอร์ PIN to Drive ซึ่งจะบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องใส่รหัส PIN ก่อนขับรถ
แต่ในการอัปเดตนี้ Tesla รองรับการใช้งานทั้งสองฟีเจอร์พร้อมกันแล้ว สำหรับผู้ที่เปิดใช้งาน PIN to Drive เพียงแค่ต้องใส่รหัส PIN หลังจากแตะปุ่ม Start FSD from Park (ยังไม่รองรับในไทย)
การตรวจจับความง่วง (Drowsiness Detected)
รถยนต์ Tesla รุ่นใหม่สามารถตรวจจับความง่วงของผู้ขับขี่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในการอัปเดตนี้ เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ง่วงนอน Tesla จะแนะนำให้เปิดใช้งาน FSD แทนที่จะแนะนำให้หยุดพัก
การแสดงภาพที่ได้รับการปรับปรุง (Improved Visualizations)
Tesla ได้ปรับปรุงการแสดงภาพขณะถอยหลังสำหรับรถยนต์ที่ใช้ชิป Intel เดิมทีเมื่อถอยหลังรถจะแสดงภาพแบบพื้นฐานของ Autopilot แต่ในการอัปเดตนี้ Tesla จะแสดงภาพแบบ FSD ขณะถอยหลัง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ละเอียดมากขึ้น เช่น ขอบถนนและสิ่งกีดขวางอื่น ๆ
ที่มา teslarati, notateslaapp