เปิดตัว Bentley Continental GT Supersports รุ่นใหม่ เครื่อง V8 657 แรงม้า ขับหลัง เบาสุดในตระกูล GT
ชื่อตระกูล Supersports กำเนิดครั้งแรกในปี 1925 ใน Bentley 4½ Litre ซึ่งเป็น Bentley รุ่นแรกที่ทำความเร็วได้ถึง 161 กม./ชม. ที่ร้างชื่อเสียงให้ Bentley ในฐานะรถหรูสมรรถนะสูง จากความสำเร็จในสนาม Le Mans ช่วงปลายยุค 1920 ถึงต้น 1930

Bentley ได้ชุบนำ Supersports กลับมาอีกครั้ง ใช้พื้นฐานจาก Continental GT เจเนอเรชันปัจจุบัน สไตล์รถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ทั้งแรง และน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ Bentley เคยทำมาแล้ว

สำหรับ Continental GT Supersports ใหม่ ถือเป็นรุ่นเดียวที่ไม่ใช่ไฮบริด ทำให้คันนี้เบาที่สุดในตระกูล GT น้ำหนักต่ำกว่า 2,000 กม. และเบากว่า GT Speed รุ่นรองลงมากว่า 454 กม.
ด้วยความแรงระดับนี้ Bentley ติดตั้ง Limited-slip Differential แบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่งกำลังลงล้อหลังอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความกว้างช่วงล้อหลังอีก 16 มม. พร้อมระบบ Torque Vectoring และการเลี้ยวล้อหลัง ระบบพวงมาลัย ช่วงล่าง และระบบควบคุมการยึดเกาะถูกปรับใหม่ทั้งหมด
ช่วงล่างหน้า Double Wishbone หลัง Multi-Link ทำงานร่วมกับระบบป้องกันโคลงไฟฟ้า 48V ตอบสนองเร็วเพียง 0.3 วินาที Bentley บอกว่านี่เป็นระบบเบรกที่ใหญ่ที่สุดในรถโปรดักชันยุคปัจจุบัน คาลิเปอร์ 10 พอต พร้อมจาน Carbon-Silicon-Carbide ขนาด 440 มม. ด้านหน้า และคาลิเปอร์ 4 พอต พร้อมจาน 410 มม. ด้านหลัง

โหมดขับขี่ของ Supersports มี 3 แบบ ได้แก่
- Touring สำหรับขับสบาย นุ่มนวล
- Bentley Mode เพิ่มความฉับไว และบาลานซ์ระหว่างสบายกับสปอร์ต
- Sport Mode รีดประสิทธิาพสำหรับถนนโหด ๆ อย่างเช่น Transfagarasan
Bentley บอกว่า Supersports เข้าโค้งได้เร็วกว่า Continental GT Speed ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ พร้อมแรง G สูงสุด 1.3G ใกล้เคียงกับไฮเปอร์คาร์อย่าง Koenigsegg CCX
การออกแบบ Bentley จัดเต็มด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน กันชนหน้าใหม่พร้อม Splitter ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีในรถถนนของ Bentley และมี Dive Plane เพิ่มแรงกดด้านหน้า ด้านหลังมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ และสปอยเลอร์ชิ้นเดียวเพิ่มแรงกด 300 กม สวมล้อฟอร์จ 22 นิ้ว ที่พัฒนาโดย Manthey Racing
ดีไซน์ภายนอก
-
ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน
-
กันชนหน้าใหม่พร้อม Splitter ใหญ่ที่สุดในรถถนน Bentley
-
Dive Plane ลดแรงยกด้านหน้า
-
ดิฟฟิวเซอร์ใหม่ด้านหลัง
-
สปอยเลอร์หลังแบบชิ้นเดียว เพิ่มแรงกด 300 กม
-
ล้อฟอร์จ 22 นิ้ว จาก Manthey Racing
ภายในเน้นลดน้ำหนักเช่นกัน ด้วยการถอดเบาะหลังออกทั้งหมด ถอดชุดเครื่องเสียงด้านหลัง ลดฉนวนกันเสียง และใช้เบาะทรง Bucket น้ำหนักเบาแบบโครงสร้างพิเศษ ผู้ซื้อสามารถเลือกชุดสีห้องโดยสารได้ทั้งแบบ Monotone, Dual-Tone หรือ Tri-Tone พร้อมวัสดุ Leather, Dinamica และ Carbon Fiber

ภายในห้องโดยสาร
-
ถอดเบาะหลังและลดฉนวนเสียง
-
เบาะ Bucket น้ำหนักเบา
-
วัสดุ Leather, Dinamica, Carbon Fiber
-
ชุดสีภายในเลือกได้ทั้ง Mono, Dual และ Tri-Tone
-
ท่อไอเสีย Akrapovic Titanium แบบเต็มระบบ


สเปค Bentley Continental GT Supersports
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
-
เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo
-
พละกำลัง 657 แรงม้า
-
แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร
-
ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
-
เกียร์ DCT 8 จังหวะ
-
0–100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที
-
ความเร็วสูงสุด 309 กม./ชม.

โครงสร้างและระบบขับเคลื่อน
-
น้ำหนักต่ำกว่า 4,409 ปอนด์ (2,000 กก.)
-
เบากว่า GT Speed มากกว่า 1,000 ปอนด์
-
ช่วงล้อหลังเพิ่มอีก 16 มม.
-
ระบบ Electronic Limited-Slip Differential
-
Torque Vectoring และ Rear-Wheel Steering
-
ระบบพวงมาลัย ช่วงล่าง และ Traction Control ปรับจูนใหม่ทั้งหมด
ช่วงล่างและเบรก
-
ช่วงล่างหน้า Double-Wishbone / หลัง Multi-Link
-
ระบบกันโคลงไฟฟ้า 48V ตอบสนอง 0.3 วินาที
-
เบรกหน้า Carbon-Silicon-Carbide 440 มม. คาลิเปอร์ 10 พอต
-
เบรกหลัง 410 มม. คาลิเปอร์ 4 พอต

Dr Frank-Steffen Walliser ประธานและซีอีโอของ Bentley ระบุว่า Supersports ใหม่ คือการกลับมาของ Bentley ในแบบรถสมรรถนะสูงสุด ที่ยังคงเป็นงานศิลปะยานยนต์เฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย และเป็นโปรเจกต์แรกที่เขาดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์
การผลิตรุ่นนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วโลก เปิดให้จองเดือนมีนาคม 2026 เริ่มผลิตช่วงปลายปี 2026
ราคาจำหน่ายยังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าจะสูงกว่ารุ่นพื้นฐาน Continental GT ที่เริ่มต้นประมาณ 285,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11,000,000 บาท)
ที่มา : Motor1
