ใน ,

ยุคใหม่ของ AI! XPENG เปิดตัว 4 นวัตกรรมใหม่ ระบบ VLA, หุ่นยนต์ Iron, Robotaxi, รถบินได้ ในงาน 2025 XPENG AI DAY

จะเป็นอย่างไรถ้า AI ไม่ได้อยู่แค่ในคอมพิวเตอร์ แต่ออกมาเดิน, ขับรถ หรือแม้กระทั่งบินได้ในโลกจริง นี่คือวิสัยทัศน์ที่ XPENG ประกาศก้องในงาน 2025 AI DAY ล่าสุด กับแนวคิด Physical AI ที่กำลังจะพลิกโฉมทุกอย่าง นี่คือสรุปไฮไลท์นวัตกรรมสุดล้ำ ทั้งสมอง AI อัจฉริยะ, แท็กซี่ไร้คนขับ, หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ และรถยนต์บินได้ ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง

ยุคใหม่ของ AI! XPENG เปิดตัว 4 นวัตกรรมใหม่ ระบบ VLA, หุ่นยนต์ Iron, Robotaxi, รถบินได้ ในงาน 2025 XPENG AI DAY

หัวใจหลักของงาน 2025 XPENG AI Day คือการประกาศแนวคิด Physical AI ซึ่งหมายถึงการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ออกมาจากโลกดิจิทัล มาใส่ในร่างกายที่จับต้องได้ เพื่อให้ AI สามารถโต้ตอบและทำงานในโลกแห่งความเป็นจริงได้

XPENG เชื่อว่านี่คืออนาคตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ XPENG คือบริษัทเดียวในจีนที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้เองทั้งหมด โดย XPENG ได้เปิดตัว 4 นวัตกรรมหลักภายใต้แนวคิดนี้ ได้แก่

  • VLA รุ่นที่ 2 โมเดล AI สำหรับโลกกายภาพ ที่จะเป็นพื้นฐานให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
  • XPeng Robotaxi รถยนต์ AI ที่เป็นแท็กซี่ไร้คนขับที่ผลิตจำนวนมากจากโรงงาน
  • XPeng Iron เจเนอเรชันใหม่: หุ่นยนต์ AI รูปร่างมนุษย์ Humanoid
  • ระบบการบิน Aridge ยานพาหนะ AI สองระบบใหม่สำหรับรถยนต์บินได้

โมเดล VLA รุ่นที่ 2

VLA รุ่นที่ 2 เป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดของ XPENG เปรียบเสมือน “สมอง” ที่ขับเคลื่อนทุกอย่าง VLA รุ่นที่ 2 นี้มีความแตกต่างจาก AI ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

AI แบบดั้งเดิมทำงานใน 3 ขั้นตอน: มองเห็น > แปลเป็นภาษา > สั่งการ (Vision > Language > Action) ซึ่งกระบวนการ “แปลเป็นภาษา” นี้ ทำให้ข้อมูลบางอย่างสูญหายไปและเกิดความล่าช้า

แต่ VLA รุ่นที่ 2 ของ XPENG ได้ลบขั้นตอนนี้ออกไป กลายเป็น มองเห็น > สั่งการ (Vision > Action) โดยตรง AI จะเรียนรู้จากโลกกายภาพจริงเหมือนที่มนุษย์เรียนรู้ ทำให้ระบบเข้าใจโลกได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ข้อดีคือ

  • ไม่สูญเสียข้อมูล AI สามารถจับรายละเอียดเล็กๆ  น้อย ๆ ได้ (เช่น การเคลื่อนไหวของล้อรถคันอื่น)
  • ตอบสนองเร็วกว่า ไม่ต้องเสียเวลา “แปล” ทำให้ตัดสินใจได้ทันที
  • เรียนรู้ได้เอง สามารถเรียนรู้พฤติกรรมที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งสอนที่เป็นภาษา
  • ไม่ต้องใช้คนบอกป้าย ข้อมูล AI สามารถเรียนรู้จากวิดีโอการขับขี่จริงจำนวนมหาศาล เกือบ 100 ล้านวิดีโอได้โดยตรง โดยไม่ต้องให้มนุษย์ไปนั่งบอกว่า “นี่คือไฟแดง” “นี่คือเส้นเลน”

เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นได้เพราะชิป Turing AI ที่ XPENG พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งมีพลังประมวลผลสูงถึง 2250 TOPS ทำให้ VLA รุ่นใหม่มีพารามิเตอร์มากกว่า AI ทั่วไปถึง 10 เท่า

ความสามารถใหม่ที่จะเกิดขึ้น

  • ฉลาดขึ้นในการเดินทางในถนนเล็ก: ขับขี่ในถนนเล็กหรือซอยที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น 13 เท่า
  • เข้าใจโลกจริง: สามารถจดจำท่าทางมือ (เช่น โบกมือให้หยุด) และเข้าใจตรรกะของสัญญาณไฟจราจร (เช่น เห็นไฟคนข้ามเขียว ก็เตรียมออกตัว)
  • Super Roaming: สามารถขับขี่ได้ทุกที่ทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้ระบบนำทาง (Navigation)

ที่สำคัญที่สุด โมเดล VLA นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรถยนต์ แต่เป็นโมเดลโลกกายภาพที่สามารถนำไปใช้กับหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ด้วย และ Volkswagen จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รายแรก ที่จะได้ใช้เทคโนโลยี VLA รุ่นที่ 2 นี้

รถยนต์ AI XPENG Robotaxi

XPENG กำลังเร่งให้ยุคของแท็กซี่ไร้คนขับเกิดขึ้นจริง โดยใช้จุดแข็งของ VLA รุ่นที่ 2 ทำให้ Robotaxi ของ XPENG แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

จุดเด่นคือ Robotaxi ของ XPENG ถูกผลิตและติดตั้งระบบมาเลยจากโรงงาน ไม่ใช่การนำรถทั่วไปมาดัดแปลง ทำให้มีต้นทุนที่ควบคุมได้และผลิตจำนวนมากได้ทันที

นอกจากนี้ยังใช้ ระบบกล้องล้วน (Pure Vision) โดยไม่ต้องพึ่งพา LiDAR หรือแผนที่ความแม่นยำสูง (HD Maps) ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ทุกที่ทั่วโลก

  • เป้าหมาย: เปิดตัว 3 รุ่นภายในปี 2026
  • ราคา: รุ่นเริ่มต้นต่ำกว่า 200,000 หยวน
  • ไทม์ไลน์: เริ่มทดลองใช้งานจริงในปี 2026
  • ความปลอดภัย: มีระบบฮาร์ดแวร์สำรอง 2 ชุดในทุกส่วนสำคัญ (เช่น ระบบประมวลผล, ระบบเบรก, ระบบบังคับเลี้ยว, แบตเตอรี่)
  • เวอร์ชันใหม่: จะมีเวอร์ชัน Robo ที่มีพลังประมวลผลสูงถึง 3000 TOPS และพร้อมสำหรับระบบขับขี่ระดับ L4

นวัตกรรมที่น่าสนใจคือ ระบบสื่อสารภายนอกรถ โดยใช้จอแสดงผลที่แผงบังแดด เพื่อบอกความคิดของรถให้คนภายนอกรู้ เช่น

  • รถออกจากที่จอด: เมื่อผู้ใช้สั่ง “เสี่ยวพี (Xiaop) ช่วยขับรถออกไปหน่อย” รถจะแสดงสถานะ “ปลุก – ฟัง” และแสดงความคืบหน้า “กำลังจะจอดออกไปทางขวา”
  • ค้นหาที่จอดรถ & คนเดินเท้า: รถแสดงสถานะ “กำลังมองหาที่จอดรถ” เมื่อ “เห็น” คนเดินเท้า จะแสดงเจตนา “ชะลอความเร็ว” และหยุดให้คนข้ามก่อน
  • การโต้ตอบระหว่างรถยนต์: รถ XPENG สองคัน ทักทายกันด้วย “Cyber Say Hi”
  • ต้อนรับแขก: รถ “มอง” ไปในทิศทางที่ผู้ใช้กำลังเข้าใกล้ และพูดว่า “สวัสดีตอนเช้า”
  • การชาร์จ: หน้าจอแสดงสถานะการชาร์จและความคืบหน้าแบบไดนามิก
  • การจอดรถชั่วคราว: เมื่อมีคนดึงประตูรถ “ตา” ของรถจะเปิดขึ้น แสดงอารมณ์สับสน เมื่อจดจำได้ว่าเป็นตำรวจจราจร ระบบภาพ + เสียงจะระบุว่าเจ้าของรถจะกลับมาทันที
  • SOS: เมื่อรถตรวจพบว่าผู้ขับขี่หมดสติ จะจอดรถข้างทางโดยอัตโนมัติ เริ่มการช่วยเหลือฉุกเฉิน และหน้าจอภายนอกจะแสดงสถานะการเตือน

Autonavi (เกาเต๋อ) จะกลายเป็นพันธมิตรระบบนิเวศระดับโลกรายแรกของ XPENG Robotaxi โดยจะเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Autonavi เปิดอินเทอร์เฟซระบบนิเวศ และสร้างความร่วมมือระดับโลก

หุ่นยนต์ AI XPENG Iron เจเนอเรชันใหม่

XPENG ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ขั้นสูง มีรูปร่างมนุษย์ โดยเป็นหุ่นยนต์ที่ผลิตจำนวนมากรายแรกของจีน และยังเป็นหุ่นยนต์เพศหญิงตัวแรกของ XPENG ด้วย โดยเน้นการออกแบบที่เหมือนมนุษย์ที่สุด มีทั้งโครงกระดูก, กล้ามเนื้อ และผิวหนัง ที่ยืดหยุ่น

หัวใจสำคัญของหุ่นยนต์ Iron คือการใช้เทคโนโลยีร่วมกับรถยนต์ AI ถึง 70% โดยเฉพาะ “สมอง” ที่ใช้ชิป Turing AI การประมวลผล 2250 TOPS และโมเดล VLA ทำให้หุ่นยนต์มีความสามารถระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการ คิด, สนทนา, เดิน และโต้ตอบ

นวัตกรรมที่โดดเด่นคือ แบตเตอรี่โซลิดสเตต (All-Solid-State) ที่ใช้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม แบตเตอรี่ชนิดใหม่นี้มีข้อดีคือ

  • น้ำหนักเบาลง 30%
  • ความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 30%
  • ปลอดภัยสูงสุด: ผ่านการทดสอบสุดขั้ว ทั้งทนความร้อน 250°C, การกระแทก และการเจาะทะลุโดยไม่ติดไฟ

XPENG ยอมรับว่าการผลิตหุ่นยนต์จำนวนมากนั้นยากกว่าการผลิตรถยนต์ เพราะหุ่นยนต์ถูกขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ และมีมาตรฐานคุณภาพที่สูงกว่า แต่การที่ XPENG พัฒนาทุกอย่างเองตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีจากรถยนต์มาต่อยอดได้ทันที

เป้าหมายด้านหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของ XPENG คือ จะเริ่มผลิตจำนวนมากภายในปี 2026 โดยจะเริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์ก่อน เช่น เป็นผู้นำชมในโชว์รูม หรือผู้ช่วยแนะนำสินค้า

ยานพาหนะ AI รถยนต์บินได้ Aridge

XPENG กำลังทำให้การบินเป็นอิสระมากขึ้น ด้วยระบบการบิน 2 รูปแบบใหม่

Land Aircraft Carrier

รถยนต์บินได้แบบแยกส่วน ที่ผลิตจำนวนมากรุ่นแรกของโลก ประกอบด้วยยานแม่ภาคพื้นดินที่ขับขี่ได้ไกลกว่า 1,000 กม. (CLTC) และโดรนสำหรับบินส่วนบุคคลที่แยกตัวออกไปได้ รองรับการบินได้ 5-6 เที่ยว

ปัจจุบัน Land Aircraft Carrier ได้รับคำสั่งซื้อมากกว่า 7,000 รายการทั่วโลก และบริษัทตั้งเป้าส่งมอบจำนวนมากในปี 2026

A868

เครื่องบินไฟฟ้าที่ขึ้น-ลงในแนวดิ่ง (VTOL) ขนาด 6 ที่นั่ง ที่มีความเร็วสูงและพิสัยไกล 500+ กม. เหมาะสำหรับการเดินทางข้ามเมือง เช่น บินตรงจากกวางโจวไปกุ้ยหลิน

XPENG เน้นเรื่องความปลอดภัยสูงสุด โดยมีระบบสำรอง (Redundancy) ที่มากกว่าเฮลิคอปเตอร์ และมี โครงการผู้บริหารบินก่อน (ผู้บริหารต้องบินสะสมให้เกิน 5,000 กม. ก่อนส่งมอบจริง)

XPENG ได้รับใบอนุญาตการบินเฉพาะสำหรับรถยนต์บินได้ฉบับแรกของอุตสาหกรรม และมีการฝึกอบรมนักบินที่ใหญ่ที่สุดในจีน, ค่ายการบินที่ใหญ่ที่สุดในจีน 200+ แห่ง โดยมีการฝึกสอนแบบตัวต่อตัวอย่างมืออาชีพทำให้การบินง่ายเหมือนการขับรถ

นอกจากนี้ XPENG ได้เปิดตัว โรงงานผลิตรถยนต์บินได้อัจฉริยะที่ผลิตจำนวนมากแห่งแรกของโลก การก่อสร้างระยะแรกมีกำลังการผลิตปีละ 5,000 คัน

และได้ประกาศความร่วมมือกับ Aridge x Dunhuang เตรียมเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวแบบ Self-driving ระดับความสูงต่ำเส้นทางแรกในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในปีหน้า

จากนวัตกรรมทั้งหมดที่เปิดตัว จะเห็นได้ว่า XPENG ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่บริษัทรถยนต์อีกต่อไป แต่กำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำด้าน “Physical AI” ที่จับต้องได้ในโลกจริง การประกาศครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการส่งสัญญาณว่า อนาคตที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ ทั้งรถยนต์ไร้คนขับ, หุ่นยนต์ผู้ช่วย และการเดินทางทางอากาศส่วนบุคคล กำลังขยับเข้ามาใกล้ความจริงเร็วกว่าที่เราคิด

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.