ในรอบเกือบ 15 ปี Toyota Land Cruiser Prado รุ่นใหม่คันแรก ก็เปิดตัวด้วยรูปลักษณ์ใหม่ รูปทรงแบบกล่อง ความเหลี่ยมสันของตัวถัง รวมถึงความเหลี่ยมขององค์ประกอบต่างๆ ทั้งไฟหน้า กระจังหน้า และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบในออสเตรเลีย หรือเครื่องยนต์เบนซิน-ไฮบริดในตลาดต่างประเทศ
Toyota Land Cruiser Prado ปี 2024 เปิดตัวในออสเตรเลีย กลางปีหน้า
เราจะรู้จักกันในชื่อ Land Cruiser 250 ในญี่ปุ่น โดยอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า Land Cruiser 300 ที่มีไซซ์ขนาดใหญ่ แต่ยังคงชื่อ Prado ไว้ในตลาดออสเตรเลีย
Toyota Land Cruiser Prado เป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “ Back to Origin ” ซึ่งเป็นการนำเอาดีไซน์สไตล์ Retro มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงแบบกล่อง ความเหลี่ยมสันของตัวถัง รวมถึงความเหลี่ยมขององค์ประกอบต่างๆ ทั้งไฟหน้า กระจังหน้า และโครงสร้างตัวถังยังคงเป็นแบบ Body-on-frame แพลตฟอร์ม GA-F เช่นเดียวกันกับ Land Rover Defender รูปทรงแบบกล่องจากฝาแฝดสุดหรู Lexus GX ที่จะมาถึงตลาดออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในปีหน้า
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวรถ 4,925 x 1,980 x 1,870 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) 221 มม.
ดีไซน์ภายนอกของ Toyota Land Cruiser Prado รุ่นใหม่นี้ จะมีให้เลือกการตกแต่ง 2 รูปแบบ คือ แบบแรก ไฟหน้าแบบ Triple LED ทรงเหลี่ยมดูทันสมัย และแบบที่ 2 จะมาพร้อมไฟหน้าและไฟ LED Daytime Running Light ทรงกลมที่นึกถึงให้อารมณ์ย้อนยุค ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Land Cruiser 70 ทั้ง 2 รูปแบบ จะมาพร้อมกระจังหน้าสีดำด้านและโลโก้ Toyota เด่นชัด
ความแตกต่างระหว่าง Toyota Land Cruiser Prado กับ Lexus GX คือ การออกแบบเปลือกตัวถังภายนอก สามารถใช้ร่วมกันได้กับ Lexus GX ใหม่ ยกเว้นด้านหน้าและด้านหลังที่มีความต่างกันในส่วนกระจังหน้า ฝากระโปรง และบานฝาท้าย
ขุมพลัง
ระบบขับเคลื่อน มีให้เลือกถึง 5 ขุมพลังด้วยกัน โดยแบ่งตามแต่ละตลาด ดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เทอร์โบ (สำหรับตลาดตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก)
- เครื่องยนต์ T24A-FTS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 281 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เทอร์โบ hybrid (สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ และจีน)
- เครื่องยนต์ T24A-FTS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า hybrid กำลังสูงสุด 243 kW 330 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร (สำหรับตลาดยุโรปตะวันออก, ญี่ปุ่น และอื่นๆ)
- เครื่องยนต์ 2TR-FE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.7 ลิตร กำลังสูงสุด 120 kW 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 246 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super ECT 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ (สำหรับตลาดยุโรป, ตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น และอื่นๆ)
- เครื่องยนต์ 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.8 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ Mild-hybrid 48V (สำหรับตลาดออสเตรเลีย และยุโรปตะวันตก)
- เครื่องยนต์ 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.8 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Mild-hybrid 48V กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip
ทุกขุมพลังใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time พร้อม Torsen limited-slip ที่สามารถล็อกอัตราการกระจายแรงบิดได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงชุดเกียร์ไฟฟ้าที่คอยปรับโหมดระหว่าง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ High (4WD-High) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Low (4WD-Low) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในรุ่น Overtrail ยังมาพร้อม Differential ด้านหลัง
ส่วนระบบช่วงล่างออกแบบเพื่อตอบโจทย์การลุยที่แท้จริง ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ ในขณะที่ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงก์ พร้อมคอยล์สปริงและโช็คอัพแบบ Twin-tube อีกทั้งยังมีการติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่อีกด้วย
Toyota ยังกล่าวว่าตัวถังและโครงสร้างแข็งกว่าเมื่อก่อน 30% และความแข็งแกร่งของโครงสร้างเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้น 50%
ดีไซน์ภายใน
ภายในตัวรถมีให้เลือกทั้ง 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง หน้าจอสัมผัสใช้ซอฟต์แวร์ล่าสุดของ Toyota ด้วย Apple CarPlay แบบไร้สาย, Android Auto แบบไร้สาย, ระบบนำทางด้วยดาวเทียม, การอัปเดตผ่าน over-the-air (OTA) และบริการที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เบาะที่นั่งจะหุ้มด้วยหนัง SoftTex พร้อมระบบระบายอากาศ และปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า
มีแพ็กเกจระดับพรีเมียม โดยจะเพิ่มเบาะหนังแบบอุ่นและระบบระบายอากาศ หน้าจอ head-up display, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, กุญแจดิจิทัล และระบบเสียงพรีเมียมจาก JBL 14 ลำโพง แพ็กเกจนี้ยังรวมถึง กระจกมองหลังแบบดิจิทัล และกระจกหลังคาซันรูฟ
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี
ด้านระบบความปลอดภัย ได้รับการติดตั้ง Toyota Safety Sense 3.0 เช่นระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน (Lane Centring Assist), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition), ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) เป็นต้น รวมถึงมีระบบ Downhill Assist Control และ Crawl Control
อีกทั้ง Toyota Land Cruiser Prado รุ่นใหม่นี้ จะมาพร้อมระบบ Stabilizer with Disconnect Mechanism (SDM) ที่สามารถปลดล็อกเหล็กกันโครงด้านหน้าทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้เกิดความนุ่มนวล ในขณะวิ่งบนถนนวิบากหรือออฟโรด ตลอดจนสร้างความมั่นคงของตัวรถในขณะขับขี่บนถนนปกติ รวมทั้งยังทำการอัปเกรดระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Multi-Terrain Monitor ที่เป็นหน้าจอแสดงระดับของตัวรถเวลาลุยทางออฟโรด ซึ่งจะแสดงผลความเอียงและลักษณะของตัวรถทั้งด้านหน้าตรง ด้านหลังตรง และทางด้านข้าง และระบบ Multi-Terrain Select ที่ผู้ขับสามารถเลือกการตอบสนองของช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางได้โดยอัตโนมัติ อีกด้วย
ราคายังไม่ได้เปิดเผยออกมา แต่คาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิม
ที่มา – driveau