ใน , ,

พบกับไฮไลท์รุ่นใหม่จาก BMW MINI และ BMW Motorrad ในปี 2025

BMW Group ประเทศไทย เผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่หลายรุ่นต้นปี 2025 พร้อมราคาจำหน่าย มีทั้ง BMW MINI และ BMW Motorrad

พบกับไฮไลท์รุ่นใหม่จาก BMW MINI และ BMW Motorrad ในปี 2025

BMW Group ประเทศไทย แถลงข่าวแผนขยายธุรกิจสำหรับปี 2025 พร้อมเผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่หลายรุ่นต้นปี 2025 มีทั้ง BMW MINI และ BMW Motorrad

BMW

BMW 4 Series LCI

  • BMW 420i Coupe M Sport ใหม่
    ราคา : 3,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
  • BMW 430i Coupe M Sport ใหม่
    ราคา : 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

BMW 420i Coupe M Sport ใหม่

BMW 430i Coupe M Sport ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป้ กลับมาอีกครั้งกับการปรับโฉมที่ผสมผสานความสุนทรีย์ในการขับขี่และความสง่างามสไตล์สปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยทั้งบีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupe M Sport และ 430i Coupe M Sport มาพร้อมงานออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เพิ่มทางเลือกสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ Brooklyn Grey และ Cape York Green  และดีไซน์ห้องโดยสารที่ขับเน้นนวัตกรรมดิจิทัลล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูให้โดดเด่น

นอกจากช่วงล้อแบบหน้ากว้าง เส้นสายที่ไหลลื่นตลอดคัน และสัดส่วนตัวถังแบบทอดยาวอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ 4 แล้ว รถยนต์ทั้งสองรุ่นยังมีแชสซีที่ปรับแต่งมาเพื่อสมรรถนะอันยอดเยี่ยมและทรวดทรงที่เด่นสะดุดตาจากด้านข้าง ส่วนไฟหน้า LED รูปทรงบางเฉียบ (อัปเกรดเป็นระบบไฟหน้า Adaptive LED พร้อมไฟท้ายเลเซอร์สำหรับรุ่น 430i Coupe M Sport) วางขนาบข้างกระจังหน้าทรงไตคู่ซึ่งล้อมกรอบด้วยโครเมียมด้าน ส่วนแพ็คเกจ M Sport ที่ติดตั้งมาให้ ก็เติมความสปอร์ตอย่างเผ็ดร้อนด้วยดิฟฟิวเซอร์ที่ด้านล่างกันชนท้าย ปลายท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่ ระบบเบรก M Sport และชุดแต่ง M high-gloss Shadow Line บริเวณด้านข้าง

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ใหม่ ยกระดับงานออกแบบให้เด่นขึ้นไปอีกด้วยหลังคากระจกระบบไฟฟ้า พร้อมชุดแต่ง M high-gloss Shadow Line และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke แบบสลับสี ซึ่งต่างจากรุ่น 420i Coupe M Sport ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ Double Spoke แบบสลับสี

หัวใจที่ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupe M Sport ใหม่ ให้โลดแล่น คือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,000 รอบต่อนาที จึงทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเข้ามาที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน 430i Coupe M Sport ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบเช่นกัน แต่ให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550-4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport จึงลดเวลาการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงให้เหลือเพียง 5.8 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. เสริมความเร้าใจด้วยฟังก์ชั่น Launch Control

ภายในห้องโดยสาร ทั้งสองรุ่นยังเสิร์ฟบรรยากาศความสปอร์ตต่อเนื่อง เริ่มจากเบาะหลังแบบแยกที่นั่งที่ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังสนุกไปกับการโลดแล่นบนท้องถนนได้เหมือนกับผู้โดยสารเบาะหน้า ส่วนวัสดุตกแต่งภายในก็ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งสองรุ่น ด้วยผิวแบบ Aluminium Fine Brushed ในรุ่น 420i และ M Carbon Fibre ในรุ่น 430i นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ยังเสริมความหรูภายในไปอีกขั้นด้วยเบาะหนัง Vernasca แต่งสีดำ/แดง หรือ Mocha พร้อมเบาะแบบ lumbar support สำหรับเบาะหน้า และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon

ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าเดิมในซีรีส์ 4 ใหม่ ทั้งสองรุ่น ด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่และประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ ๆ มากมายบนหน้าจอโฮมสกรีนที่ปรับโฉมให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยี QuickSelect ที่ทำงานคู่กับระบบควบคุม BMW iDrive ได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupe M Sport ติดตั้งแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Plus ที่มาพร้อมกับระบบนำทางแบบคลาวด์ผ่าน BMW Maps ซึ่งปรับปรุงให้สามารถป้อนจุดหมายปลายทางและแสดงข้อมูลระหว่างการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ก้าวต่อไปอีกขั้นด้วยแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ที่เพิ่มทั้งระบบแสดงผล BMW Head-Up Display สตรีมวิดีโอจากมุมมองของผู้ขับขี่ขึ้นแสดงบนหน้าจอหลัก พร้อมเสริมด้วยคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ตลอดเส้นทาง ฟังก์ชัน Augmented View เพื่อช่วยค้นหาที่จอดรถที่ยังว่างในลานจอดที่เต็มไปด้วยรถคันอื่น และปิดท้ายด้วย Parking Assistant Plus ที่พร้อมช่วยให้การจอดรถที่ปลายทางง่ายดายไร้กังวล

  • BMW M440i xDrive ใหม่
    ราคา : 5,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

แฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยูที่อยากยกระดับความสนุกในการขับขี่ของซีรีส์ 4 คูเป้ขึ้นไปอีกขั้น ต้องเตรียมสัมผัสความแรงที่เหนือกว่าจากบีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive ใหม่ ที่เสริมทั้งพละกำลังและความคล่องตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ส่งพลังสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ให้สมรรถนะสูงสุด 285 กิโลวัตต์ / 387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,000 รอบต่อนาที จึงทำเวลาเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ 4.5 วินาที นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Sprint ที่เพิ่มมาในแพคเกจ M Sport Pro ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดึงพลังของเครื่องยนต์ออกมาให้เต็มพิกัดมากขึ้น เพื่อการเร่งความเร็วในระยะสั้นไม่เกิน 10 วินาที พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันสมกับสมรรถนะ ขณะที่ระบบกันสะเทือน Adaptive M และเฟืองท้ายแบบ M Sport เพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและช่วยเปลี่ยนทุกเส้นทางให้ขับสนุกในทุกจังหวะ

นอกเหนือจากพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive ใหม่ยังมาพร้อมรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง สะท้อนความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke สีดำ Jet Black ไฟหน้า Adaptive LED พร้อมไฟท้ายเลเซอร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ตระกูล M อย่างบีเอ็มดับเบิลยู M4 CSL ฝาครอบกระจกมองข้าง M HP กระจังหน้าทรงไตคู่ในสีดำเงาพร้อมสัญลักษณ์ M ที่ด้านข้าง คาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงา เข้าคู่กับชุดแต่ง M high-gloss Shadowline จนเกิดเป็นโฉมด้านข้างที่โฉบเฉี่ยวและดึงดูดทุกสายตา ก่อนจะปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์ M สีดำ Black Sapphire

ส่วนห้องโดยสารก็เปี่ยมความสปอร์ตไม่แพ้กัน ด้วยเบาะนั่ง M Sport ด้านหน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัย M ให้ความกระชับและนุ่มสบายสำหรับการออกโลดแล่นบนทุกเส้นทาง พร้อมระบบเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon และงานออกแบบภายในที่สะท้อนทั้งความหรูและความแรง ผ่านชุดแต่ง M Carbon Fibre นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ครบครัน ทั้ง BMW Head-Up Display, Parking Assistant Plus และ Active Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ซึ่งสามารถใช้งานได้ผ่านหน้าจอแสดงผลดิจิทัล BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5

บีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสี Mineral White Metallic, Black Sapphire Metallic, Brooklyn Grey Metallic, และ Fire Red Metallic 

  • BMW 430i Convertible M Sport ใหม่
    ราคา : 4,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดสำหรับรุ่นใหม่ในตระกูลซีรีส์ 4 กับบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ ที่นำความสุนทรีย์ในการขับขี่ของ 430i รุ่นคูเป้มาเพิ่มความพิเศษอีกขั้นด้วยหลังคาผ้าแบบ panel bow soft-top ด้วยรูปทรงสวยสะดุดตา พร้อมขับเน้นทรวดทรงและเส้นสายที่ดูปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตเปิดประทุนได้อย่างลงตัว หลังคาผ้านี้ผสมผสานทั้งความแข็งแรงของหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้และรูปโฉมสไตล์คลาสสิกของหลังคาผ้าแบบเดิม โดยระบบเปิด-ปิดหลังคาแบบไฟฟ้าสามารถทำงานขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเปิด-ปิดทั้งหมด 18 วินาที

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport มอบสมรรถนะและคาแรกเตอร์ในการขับขี่ที่ไม่ต่างจากรุ่นคูเป้ ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รุ่นเดียวกัน ให้กำลังได้สูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า โดยรุ่นเปิดประทุนนี้สามารถทำเวลาเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ที่ 6.2 วินาที และยังคงความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นเดิม

งานออกแบบทั้งภายนอกและภายในของบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ ล้วนเป็นการนำแนวคิดจากรุ่นคูเป้มาตีความใหม่ในสไตล์เปิดประทุน รุ่นเปิดประทุนนี้มาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double Spoke สองสีเช่นเดียวกับรุ่นคูเป้ ส่วนตัวถังโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Sport และ M high-gloss Shadowline ที่ด้านข้าง พร้อมไฟหน้าแบบ Adaptive LED และไฟท้ายเลเซอร์ ส่วนภายใน โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Carbon Fibre และติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ครบครัน รวมถึงระบบช่วยจอด Parking Assistant Plus บนหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 และระบบเครื่องเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ พร้อมให้เลือกเป็นเจ้าของได้ใน 5 สี ได้แก่ ขาว Mineral White Metallic, ดำ Black Sapphire Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งสีดำ/แดง), เทา Brooklyn Grey Metallic, น้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งด้วยตะเข็บสีดำ) และเขียว Cape York Green Metallic (พร้อมเบาะหนัง Vernasca ตกแต่งด้วยตะเข็บสีน้ำตาล)

BMW 3 Series LCI2

  • BMW M340i xDrive ใหม่
    ราคา : 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 รุ่นยอดนิยมตลอดกาลที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมาโดยตลอด พร้อมแล้วที่จะต้อนรับอีกหนึ่งสมาชิกใหม่ในตลาดไทยด้วยรุ่นท็อปสมรรถนะสูงอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ สวยสง่าด้วยเส้นสายและพื้นผิวที่ปั้นแต่งมาอย่างประณีตในทุกสัดส่วนภายใต้รูปโฉมของซีรีส์ 3 รุ่นปัจจุบัน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่และไฟหน้า Adaptive LED แบบ M Lights Shadowline ส่วนตัวรถมีทั้งหลังคากระจกระบบไฟฟ้า ชุดแต่งสไตล์สปอร์ต M Aerodynamics พร้อมกรอบหน้าต่าง M high-gloss Shadowline และสปอยเลอร์ท้ายสไตล์ M ส่วนด้านข้างของตัวรถที่ดูเรียบหรูแบบสปอร์ต ก็ยิ่งเตะตาด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ขนาด 19 นิ้ว แบบ Y-spoke สองสี พร้อมคาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงา

ในฐานะรุ่นท็อประดับ M Performance ของซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 285 กิโลวัตต์ / 387 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,000 รอบต่อนาที ส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ทั้งหมดนี้ทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังมั่นใจในทุกสถานการณ์ด้วยช่วงล่าง Adaptive M ระบบเกียร์ที่ติดตั้งเฟืองท้าย M Sport และฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมายที่พร้อมรับประกันความสนุกสำหรับผู้ขับขี่ทุกระดับ

ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ ให้บรรยากาศเรียบหรูและมุ่งเสริมประสบการณ์การขับขี่ให้เข้มข้นและถึงใจที่สุด ด้วยเพดาน M headliner สีดำ Anthracite อุปกรณ์ภายในที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง M Carbon Fibre เบาะนั่งแบบสปอร์ตด้านหน้า พร้อมพวงมาลัยหนัง M ที่มีเครื่องหมายสีแดงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และแผงหน้าปัดแบบ Luxury ซึ่งหุ้มด้วยวัสดุ Sensatec พร้อมแต่งพื้นผิวให้เนี้ยบยิ่งขึ้นด้วยตะเข็บในสีตัดกัน ส่วนหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional เปิดให้เข้าถึงการควบคุมและตั้งค่าต่าง ๆ ของรถอย่างง่ายดาย รวมถึงความบันเทิงผ่านระบบเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon และฟังก์ชันช่วยการขับขี่ต่าง ๆ

บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ พร้อมโลดแล่นบนท้องถนนของเมืองไทยด้วยสีพิเศษอย่างเทา Dravit Grey ซึ่งเพิ่มมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเฉพาะสำหรับรุ่น M Performance จากสีเดิมของซีรีส์ 3 อย่างสีเทา Brooklyn Grey Metallic, น้ำเงิน Portimao Blue Metallic, ขาว Mineral White Metallic และดำ Black Sapphire Metallic โดยทั้ง 5 สีมาพร้อมเบาะหนัง Vernasca ที่ตกแต่งด้วยด้ายสีดำและน้ำเงิน

BMW M2 LCI

  • BMW M2 ใหม่
    ราคา : 6,649,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
  • BMW M2 (M Racetrack) ใหม่
    ราคา : 7,349,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู M2 ใหม่ พร้อมนำเสนอที่สุดของความสนุกในการขับขี่สำหรับนักขับตัวจริง ด้วยสมรรถนะเหนือระดับในตัวรถขนาดกะทัดรัดที่ทั้งสวยเด่นและอัดแน่นด้วยนวัตกรรมมากกว่าที่เคย แถมด้วยตัวเลือกพิเศษสุดในรุ่นย่อยที่เสริมแพ็คเกจ M Racetrack มาเติมความแรงถึงขีดสุดให้แฟน ๆ สาย M ได้ตื่นเต้นกันขึ้นไปอีก

M2 รุ่นใหม่นี้ เพิ่มกำลังเครื่องยนต์จากรุ่นก่อนหน้ามาอีก 15 กิโลวัตต์ / 20 แรงม้า จึงทำให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ตัวนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 353 กิโลวัตต์ / 480 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุดได้ 600 นิวตันเมตรที่ 2,700-5,620 รอบต่อนาที ทั้ง M2 รุ่นปกติและรุ่น M Racetrack ทำเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ 4.0 วินาทีเท่ากัน แต่รุ่น M Racetrack จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่ารุ่นพื้นฐาน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

บีเอ็มดับเบิลยู M2 ใหม่ ต่อยอดความแรงจากเครื่องยนต์ด้วยคันเร่งที่ปรับจูนมาให้ตอบสนองฉับไว้ยิ่งขึ้น ส่วนระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเพื่อสมรรถนะระดับ M โดยเฉพาะ สามารถรักษาอุณหภูมิการทำงานของระบบส่งกำลังให้เหมาะสมแม้ขณะขับขี่แบบเต็มประสิทธิภาพ ส่วนระบบกันสะเทือน Adaptive M และเฟืองท้าย M Sport ในชุดเกียร์ก็เพิ่มความแม่นยำในทุกการควบคุม

พื้นผิวภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู M2 ใหม่ ตกแต่งด้วยเส้นสายที่ดูทรงพลัง เข้ากับสัดส่วนของตัวรถที่บ่งบอกถึงสมรรถนะและความสปอร์ตอย่างชัดเจน ด้วยช่วงล้อที่กว้าง ตัดกับขนาดตัวรถที่กะทัดรัด ส่วนกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ จัดวางในแนวนอนอยู่เหนือช่องรับอากาศแบบสามส่วนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของระบบส่งกำลังและเบรก ชุดไฟหน้า Adaptive LED ปรับแต่งมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะด้วยดีไซน์ไฟหน้าเดี่ยวดวงเดียวสำหรับทั้งไฟต่ำและไฟสูง ภายใต้แนวคิดเดียวกับตัวแรงรุ่นคลาสสิก ต้นกำเนิดของซีรีส์ 2 อย่างบีเอ็มดับเบิลยู 02 ซึ่งเคยเป็นเจ้าถนนในช่วงปลายทศวรรษ 60 ถึง 70 มาก่อน

ส่วนด้านข้าง มีซุ้มล้อที่ดูบึกบึนคู่กับขอบประตูล่างที่ยื่นออกเล็กน้อย ล้อมกรอบล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 19 นิ้ว (หน้า) / 20 นิ้ว (หลัง) แบบ double-spoke ซึ่งมีให้เลือกทั้งสีเงิน สองสี และสีดำ Jet Black ส่วนกันชนท้ายมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์สไตล์รถแข่งและชุดท่อไอเสียคู่สีดำ ตบท้ายลุคสปอร์ตแบบพร้อมลงสนามแข่งด้วยหลังคาแบบคาร์บอน

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ผู้ขับขี่ก็จะได้พบกับพวงมาลัยคาร์บอนแบบท้ายตัดและชุดแป้นเกียร์ด้านหลัง พร้อมมอบความแม่นยำสูงสุดในการควบคุมในลุคที่เข้ากันอย่างลงตัวกับเบาะนั่ง M Sport ชุดแต่ง M Carbon Fibre ภายใน และไฟสัญลักษณ์ M ที่มือจับประตูที่ช่วยเสริมบรรยากาศของความแรงสไตล์ M ไปอีกขั้น ส่วนรุ่น M Racetrack ตัวท็อป เปลี่ยนเบาะหน้าเป็นแบบ M Carbon bucket seat ที่ให้ความกระชับสูงสุด สำหรับระบบช่วยการขับขี่และการควบคุมทั่วไปนั้น M2 ทั้ง 3 รุ่น มีแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบชุด 

บีเอ็มดับเบิลยู M2 มีให้เลือกเป็นเจ้าของได้ใน 8 สี ได้แก่น้ำเงิน Zandvoort Blue Solid, ขาว Alpine White Solid, เหลือง Sao Paulo Yellow Solid, แดง Fire Red Metallic, เทา Skyscraper Grey Metallic, เทา Brooklyn Grey Metallic, น้ำเงิน Portimao Blue Metallic และดำ Black Sapphire Metallic  ส่วนรุ่นพิเศษ M Racetrack มีให้เลือก 5 สีด้วยกัน ได้แก่ น้ำเงิน Zandvoort Blue Solid, ขาว Alpine White Solid, เหลือง Sao Paulo Yellow Solid, แดง Fire Red Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic พร้อมเบาะหนัง Merino แต่งไฮไลท์สีดำ เอ็กซ์คลูซีฟ

BMW M5 Touring

  • BMW M5 Touring ใหม่ (ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)
  • BMW M5 Touring ใหม่ พร้อมเบรกเซรามิค (ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)

หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนในฐานะรถเซฟตี้คาร์คันล่าสุดของการแข่งขัน MotoGP ในงาน MotoGP Season Launch ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่ ก็เตรียมตัวเผยโฉมในโชว์รูมและท้องถนนทั่วไทยพร้อม ๆ กับการลงทำหน้าที่ในสนามแข่งครั้งแรกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ กับรายการ MotoGP Thailand Grand Prix ที่จังหวัดบุรีรัมย์

บีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่ สรรสร้างมาในทุกรายละเอียดเพื่อการขับขี่ทุกรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและทริปเดินทางไกล ทั้งยังพร้อมมอบสมรรถนะที่เป็นเลิศควบคู่กับทางเลือกในการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน คุณสมบัติทั้งหมดนี้รวบรวมไว้ภายใต้งานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งพันธุ์แท้ โดยรูปทรงของตัวถังด้านข้างผ่านการปรับแต่งให้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นซุ้มล้อที่นูนเด่นหรือเส้นหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้าย ส่วนด้านหน้ารถ แสดงคาแรกเตอร์ความแรงเต็มที่ด้วยช่องรับลมขนาดใหญ่ กระจังหน้าไตคู่แบบ M พร้อมไฟส่องสว่าง BMW Iconic Glow ขณะที่ท้ายรถประดับด้วยแถบไฟท้ายที่โค้งรับกับทุกสัดส่วน ตั้งอยู่เหนือดิฟฟิวเซอร์คู่และชุดท่อไอเสีย 4 ท่อที่ยิ่งขับเน้นความสง่างามและน่าเกรงขามให้ชัดเจน และยังสามารถจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,630 ลิตร

ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ในบีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่ ผสานเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตรเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมด้วยชุดเกียร์ 8 สปีด M Steptronic โดยตัวเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวให้กำลังสูงสุด 430 กิโลวัตต์ / 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,400 รอบต่อนาที ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ให้กำลังเพิ่มอีก 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร โดยรวมแล้ว ระบบ M HYBRID ในบีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 535 กิโลวัตต์ / 727 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่น่าทึ่งถึง 1,000 นิวตันเมตร 

ด้วยสมรรถนะระดับนี้จากระบบส่งกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่ จึงต้องมีแชสซีที่ออกแบบมาด้วยนวัตกรรมจากบีเอ็มดับเบิลยู M เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมด้วยช่วงล่าง Adaptive M เพื่อมอบความแม่นยำสูงสุดในทุกสภาพถนนและเส้นทาง M5 รุ่นใหญ่ตัวนี้เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกอัปเกรดประสบการณ์ไปอีกขั้นด้วยระบบเบรกเซรามิก M Carbon ceramic ที่ช่วยลดระยะเบรก เพิ่มความไวในการตอบสนองในกรณีขับขี่เต็มสมรรถนะโดยใช้ทั้งคันเร่งและเบรกคู่กัน

บีเอ็มดับเบิลยู M5 Touring ใหม่มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 20 นิ้ว (หน้า) / 21 นิ้ว (หลัง) แบบ Double Spoke และพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,630 ลิตร พร้อมระบบเปิดประตูท้ายอัตโนมัติ ห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ครบครันด้วยงานออกแบบสุดสปอร์ตสไตล์ M ทั้งพวงมาลัยหนัง M เบาะนั่ง M multifunction พร้อมเข็มขัดนิรภัย M ระบบไฟภายในแบบเฉพาะรุ่น M และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Bowers & Wilkins โดยทั้งหมดนี้ เสริมความหรูหราโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง Dark Silver M ที่ผสมผสานสีเงินเข้มเข้ากับคาร์บอนไฟเบอร์ได้อย่างพอดี

ระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันล่าสุด พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่รองรับการควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านทั้งหน้าจอสัมผัสและการสั่งการด้วยเสียง ติดตั้งมาคู่กับแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งรวมถึงระบบนำทาง BMW Maps และฟังก์ชัน Augmented View และระบบช่วยการขับขี่มากมายจาก Driving Assistant Professional ครอบคลุมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน, Active Cruise Control และตัวช่วยนำทางแบบ Active Navigation ขณะที่ Parking Assistant Professional ช่วยให้ควบคุมการจอดรถผ่านสมาร์ทโฟนจากภายนอกตัวรถได้

BMW X3 (G45)

  • BMW X3 M50 xDrive
    ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ : 4,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
  • BMW X3 20d xDrive M Sport Pro
    ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ : 3,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard
    )

BMW X3 M50 xDrive

BMW X3 20d xDrive M Sport Pro

บีเอ็มดับเบิลยู X3 กลับมาอีกครั้งในเจนเนอเรชันที่ 4 เพื่อสานต่อความสำเร็จในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์มากความสามารถที่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทยต่างไว้วางใจ โดยในรุ่นล่าสุดนี้ มาพร้อมกับดีไซน์ที่ให้อารมณ์สปอร์ตยิ่งขึ้นและสง่างามกว่าเดิม พร้อมเสริมทั้งประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าในไทยยังจะได้สัมผัสกับ X3 ที่มีประสิทธิภาพระดับ M Performance เป็นครั้งแรก กับการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive

บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ มีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ดูกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อมลดทอนดีไซน์บางส่วนให้สะอาดตาและโฉบเฉี่ยวที่สุด ภายใต้รูปทรงและสัดส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ในตระกูล X ทุกรุ่น ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 34 มิลลิเมตรและความกว้างที่เพิ่มขึ้น 29 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ได้นำขนาดของตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมาผสานกับความสูงที่ลดลง 25 มิลลิเมตรและระยะล้อที่กว้างขึ้น จึงทำให้ตัวรถดูทรงพลังและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม

ส่วนหน้ารถมาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู แต่ปรับโฉมด้วยรูปลักษณ์แบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซี่กระจังหน้าที่จัดวางในแนวตั้งและทแยงมุม พร้อมไฟ BMW Iconic Glow ที่กรอบกระจังหน้าในทั้งสองรุ่น ขณะที่ไฟขับขี่กลางวัน ไฟด้านข้าง และไฟเลี้ยว ล้วนติดตั้งอยู่ในชุดไฟหน้า LED โดยจัดเรียงมิติซ้อนกันเป็นรูปตัว L ส่วนไฟหน้าดวงหลักแบบ Adaptive LED ใช้ระบบไฟสูงแบบ matrix high beam เพื่อลดการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คนอื่น พร้อมด้วยฟังก์ชันปรับองศาขณะเข้าโค้ง ตกแต่งด้วยรายละเอียดในสีฟ้า พร้อมชุดแต่ง M Lights Shadowline

ทรวดทรงด้านข้างของบีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ โดดเด่นด้วยสเกิร์ตและแนวหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้ายรถ ซุ้มล้อหลังขนาดใหญ่ส่งให้ช่วงท้ายรถดูกว้างขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่กระจกหลังถูกล้อมกรอบด้วยสปอยเลอร์บนหลังคาและที่บังลมด้านข้าง บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ซ่อนปลายท่อไอเสียไว้ในกันชนท้าย มาพร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้วในดีไซน์ Double spoke แบบสลับสี ส่วน บีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive ขับเน้นความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัดด้วยชุดท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Star spoke แบบสลับสี

BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่

BMW X3 M50 xDrive

ภายในห้องโดยสาร บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ผสานความสารพัดประโยชน์ในแบบ SAV ตัวจริง เข้ากับความกว้างขวาง โอ่อ่า และบรรยากาศสุดพรีเมียม โดยในส่วนของที่นั่งคนขับยังคงเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางด้วยองค์ประกอบครบครัน ทั้งจอโค้ง BMW Curved Display ระบบควบคุมมัลติฟังก์ชัน BMW Interaction Bar พวงมาลัยแบบตัดขอบล่าง และคันเกียร์ที่มาในดีไซน์ใหม่ ส่วนไฟในห้องโดยสารก็ได้รับการออกแบบมาในโทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัวบนพื้นผิวคอนโซลหน้ารถและบานประตู โดยจัดวางเป็นกรอบรอบปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ช่องแอร์ และมือจับประตู ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระก็กว้างขวางสมกับความอเนกประสงค์ของตระกูล X3 ด้วยความจุสัมภาระสูงสุด 1,700 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 570 ลิตร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ด้วยเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตที่ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และหุ้มด้วยวัสดุ Veganza ในรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง X3 M50 xDrive ถือเป็นครั้งแรกที่นำหนัง BMW Individual leather Merino มาใช้กับเบาะในรุ่น X3 เช่นเดียวกับแผงควบคุมด้านหน้าในชุดแต่ง Luxury ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ด้วยพื้นผิวแบบถักจากวัสดุรีไซเคิลในลุคสุดเรียบหรู

บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d xDrive M Sport Pro ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า และมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบบทันใจในเวลา 7.7 วินาที ส่วนตัวแรง X3 M50 xDrive ซึ่งเป็น X3 ที่มีสมรรถนะ M Performance เป็นรุ่นแรกในตลาดไทย จะยกระดับความตื่นเต้นทั้งบนท้องถนนและเส้นทางออฟโรดไปอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 293 กิโลวัตต์ / 398 แรงม้า สู่ล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ BMW xDrive ทั้งหมดนี้ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive ใหม่ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาที นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ทั้งสองรุ่น ยังพร้อมเติมความแรง ให้การตอบสนองที่ฉับไวยิ่งกว่าเมื่อกดคันเร่งด้วยระบบ Sport Boost โดยทั้งสองรุ่นนำระบบ mild hybrid 48V มาทำงานคู่กับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นไปพร้อมกัน

บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ยกระดับทั้งความคล่องตัว เสถียรภาพขณะเข้าโค้ง และความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนหน้า ฐานล้อหลังที่กว้างขึ้น และการปรับแต่งทุกส่วนประกอบและระบบควบคุมอย่างละเอียด โดยบีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive เสริมความคล่องตัวด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive M พวงมาลัยหนังสไตล์ M และเบรก M Sport ส่วนในด้านระบบช่วยการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่มาพร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลน เป็นมาตรฐาน มาพร้อม Driving Assistant Plus ซึ่งเพิ่มทั้งระบบเตือนการเปลี่ยนเลนและระบบช่วยจำกัดความเร็วสำหรับรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro และ Driving Assistant Professional ใน X3 M50 xDrive ที่เพิ่มความสะดวกไปอีกขั้น และเมื่อถึงเวลาต้องถอยจอด X3 ทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับระบบ Parking Assistant Plus ที่ประกอบด้วยระบบช่วยถอยจอด Reversing Assistant รวมถึงกล้องมองหลังที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน และสามารถอัพเกรดเป็น Parking Assistant Professional ผ่าน ConnectedDrive Upgrade โดยจะเพิ่มฟังก์ชัน Manoeuvering Assistant และ Remote Control Parking  

นอกเหนือจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทั้งหมดนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่ ยังยกระดับความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน กระจกลดเสียงรบกวน ฟังก์ชัน Comfort Access ระบบเปิดประตูท้ายอัตโนมัติ ระบบพับกระจกมองข้างแบบไฟฟ้า ระบบสัญญาณกันขโมย และระบบ BMW Live Cockpit Professional

บีเอ็มดับเบิลยู X3 20d xDrive ใหม่ พร้อมให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้เร็ว ๆ นี้ โดยมีให้เลือกในสี Alpine White, Black Sapphire Metallic, Brooklyn Grey Metallic และ Tanzanite Blue Metallic ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู X3 M50 xDrive เพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกด้วยสีพิเศษเฉพาะรุ่นอย่าง Dune Grey metallic

MINI

  • MINI John Cooper Works Electric ใหม่ (ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)

“New MINI Family” เจเนอเรชันล่าสุดของมินิที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา เตรียมก้าวไปอีกขั้นด้วยการมาถึงของรุ่นท็อปพลังแรง MINI John Cooper Works Electric ซึ่งเป็นครั้งแรกของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ กับการก้าวสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

MINI John Cooper Works Electric แบบ 3 ประตู มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วนที่ให้กำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่เรียกใช้งานได้ทันทีแบบไม่มีหน่วง นอกจากจะตอบสนองการส่งกำลังได้อย่างรวดเร็วในแบบรถ BEV แล้ว JCW ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังเติมความแรงได้อีกขณะออกตัวด้วยฟังก์ชัน Electric Boost ที่เสริมพลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 20 กิโลวัตต์เป็นระยะสั้น ๆ ขณะเร่งความเร็ว ส่วนช่วงล่างก็ผ่านการปรับจูนมาในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เต็มตัว ให้ความรู้สึก “Go-Kart feeling” ที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิในแบบพลังสูง คล่องตัวกับทุกโค้งในแบบที่แฟน ๆ มินิชื่นชอบ

การตกแต่งและอุปกรณ์พิเศษเฉพาะรุ่นรอบคัน ทำให้ MINI John Cooper Works Electric เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์จากโลกมอเตอร์สปอร์ตและอนาคตของวงการยานยนต์ JCW รุ่นใหม่นี้ สวยเฉี่ยวด้วยโลโก้ JCW สีแดง-ขาว-ดำ ที่ได้แรงบันดาลใจจากธงตาหมากรุก และสปอยเลอร์ท้ายที่สวยเด่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านอากาศพลศาสตร์ และด้านระยะทางการขับขี่ที่สูงถึง 371 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

ภายในห้องโดยสาร ยังเต็มไปด้วยโทนสีแดงและดำอันเป็นเอกลักษณ์ของจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทั้งพวงมาลัยสปอร์ต JCW สีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีแดงและหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อให้จับถนัดมือ เบาะสปอร์ต JCW ให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับขี่แบบสุดตัว ตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดงตัดกับหนังเทียมสีดำเช่นเดียวกับผิวหน้าของคอนโซล นอกจากนี้ ระบบ MINI Experience Modes ในรุ่นนี้ ยังมีโหมด Go-Kart ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรถยนต์ตระกูล JCW โดยเฉพาะเพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัยให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และแรง G แบบเรียลไทม์

MINI John Cooper Works Electric รุ่นแรกนี้ มีให้เลือกเป็นเจ้าของในสีเทา Legend Grey, แดง Chili Red II, ขาว Nanuq White, ดำ Midnight Black II และน้ำเงิน Blazing Blue

BMW / MINI Digital Key Plus พร้อมใช้งานบน Android ผ่านสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy

เทคโนโลยี Digital Key เปิดตัวสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2563 เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้กลายเป็นกุญแจรถ สามารถปลดล็อกแล้วเข้าถึงตัวรถได้ง่าย ๆ แต่ยังปลอดภัยและไม่ต้องพกกุญแจตัวจริง นอกจากนี้ Digital Key ยังทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวทำหน้าที่เป็นกุญแจรถได้หลายคัน ทั้งยังสามารถแชร์กุญแจให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นตามที่เจ้าของรถต้องการ และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงและใช้งานรถได้ตามแต่ละเครื่อง ส่วนระบบ Digital Key Plus ในรุ่นถัดมา ก็ยกระดับความสะดวกขึ้นไปอีกขั้นด้วยการปลดล็อกรถเพียงแค่พกสมาร์ทโฟนเข้ามาใกล้ตัวรถ ไม่จำเป็นต้องหยิบออกจากกระเป๋าอีกต่อไป

วันนี้ เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่รองรับ Digital Key Plus สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้กับอุปกรณ์ Android เป็นครั้งแรก โดยรองรับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S21 Plus ขึ้นไป รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง S25 เช่นกัน จึงนับเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในการควบคุมและโต้ตอบกับรถสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับจะสามารถใช้แอป My BMW ร่วมกับ Samsung Wallet เวอร์ชันล่าสุดเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Digital Key Plus ได้เต็มรูปแบบ นับจากการตั้งค่าเริ่มต้นใช้งานกุญแจ และการแชร์กุญแจกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น รวมถึงข้ามแพลตฟอร์มจาก Android ไป iOS ด้วย นอกจากนี้ รถยนต์ที่มาพร้อมกับระบบ Parking Assistant Professional ยังสามารถจับคู่กับ Digital Key Plus เพื่อใช้งานฟังก์ชัน Remote Control Parking เพื่อใช้สมาร์ทโฟนควบคุมการจอดรถจากภายนอกตัวรถได้

BMW / MINI Digital Key Plus รองรับอุปกรณ์ iPhone 11, Apple Watch Series 6 และ Samsung Galaxy S21 Series หรือรุ่นใหม่กว่า ขณะที่ระบบ BMW / MINI Digital Key แบบดั้งเดิม สามารถใช้งานได้กับ iPhone XR, Apple Watch SE (รุ่นแรก) และ Samsung Galaxy S20 Series หรือรุ่นใหม่กว่า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชัน BMW / MINI Digital Key Plus และอุปกรณ์ที่รองรับ สามารถค้นหาได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/offers-and-services/bmw-digital-services-and-connectivity/bmw-digital-key.html

BMW Motorrad

  • BMW S 1000 RR (ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)

ซูเปอร์ไบค์พันธุ์แท้ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR พร้อมหวนคืนสู่ท้องถนนอีกครั้งในโฉมใหม่ ให้แฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้ตื่นตาตื่นใจกันก่อนที่ฤดูกาลใหม่บนสนามแข่งจะเริ่มเปิดฉากขึ้น

S 1000 RR ใหม่ ถูกปรับแต่งในหลายจุดสำคัญเพื่อยกระดับสมรรถนะในสนามแข่งให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น โดยขุมพลังในรุ่นนี้ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงแบบ 4 จังหวะ ขนาด 999cc ตัวเดิม ให้กำลังสูงสุด 154 กิโลวัตต์ / 210 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร และสำหรับการกลับมาในครั้งนี้ ก็มากับการรับรองมาตรฐานมลภาวะ Euro 5+ อย่างเป็นทางการ ส่วนคันเร่งใหม่แบบช่วงชักสั้นก็ให้การตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้นในขณะบิดทำความเร็ว ส่วนปีก winglet ที่ติดตั้งมาเพิ่มก็ช่วยกดตัวรถให้เกาะถนนมั่นคงกว่าเดิม ฝาครอบล้อหน้าโฉมใหม่ มีช่องระบายอากาศในตัวสำหรับช่วยทำความเย็นระบบเบรก และแผงด้านข้างตัวถังก็มีการปรับโฉมให้สวยเฉี่ยวกว่าในรุ่นเดิม

โหมดการขับขี่แบบ Pro ถูกติดตั้งมาเป็นฟังก์ชันมาตรฐานในบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ จึงทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้งานโหมดใหม่อย่าง Race Pro ที่ปรับคันเร่งให้ตอบสนองเร็วขึ้น ปรับจูนทั้งแรงบิดจากเครื่องยนต์ การชะลอความเร็วโดยไม่ใช้เบรก ระบบช่วยออกตัวทางชัน (Hill Start Control Pro) และระบบเบรก ABS ที่เลือกตั้งค่าต่างหากได้ถึง 5 ระดับการทำงาน นอกจากนี้ ระบบช่วยควบคุมเบรก Dynamic Brake Control (DBC) ก็ยังเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ เปิดตัวในประเทศไทยด้วยสีเทา Bluestone metallic และขาว Light white M Motorsport

  • BMW C 400 GT (ประกาศราคาเร็ว ๆ นี้)

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมเติมสีสันให้กับการเดินทางในตัวเมืองด้วยบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT สกู๊ตเตอร์ขนาดกลางรุ่นล่าสุดที่มอบความพรีเมียมในแบบของยนตรกรรม Gran Turismo ให้การขับขี่ระยะไกลแบบสองล้อทั้งสะดวกและสบายมากกว่าที่เคย

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ผ่านการรับรองมาตรฐานมลภาวะ Euro 5+ มาเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเครื่องยนต์สูบเดียวที่ผ่านการพิสูจน์คุณภาพมาแล้วในรุ่นอื่น ๆ ให้พละกำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์ / 34 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตันเมตร เพื่อการขับขี่ที่ปราดเปรียวแบบไร้กังวล สกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ติดตั้งระบบด้านความปลอดภัยมาครบครันเทียบเท่ากับมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีทั้งระบบเบรก BMW Motorrad ABS Pro ที่ช่วยควบคุมการเบรกขณะเอียงตัวเข้าโค้งและป้องกันไม่ให้ล้อล็อกจนเสียการควบคุม ทั้งยังทำงานผสานกับระบบ Dynamic Brake Control (DBC) เพื่อลดความเสี่ยงขณะชะลอความเร็ว โดยหากความเร็วที่ลดลงในระดับหนึ่ง ตัวรถจะไม่รับคำสั่งจากคันเร่งเพื่อกันไม่ให้รถพุ่งหรือไถล และหากชะลอรถลงมาก ๆ ระบบ DBC ก็จะเปิดไฟฉุกเฉินให้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ Engine Drag Torque Control (MSR) ก็มีติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน โดย DTC ช่วยเสริมความปลอดภัยขณะเร่งความเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่เอียงตัวเข้าโค้งหรือขับขี่บนถนนลื่น ส่วน MSR ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวรถเสียศูนย์ขณะปล่อยหรือผ่อนคันเร่งกะทันหัน โดยระบบจะปล่อยให้คันเร่งทำงานเพิ่มเติมเพื่อให้เครื่องยนต์สร้างแรงบิดในระดับที่สอดรับกับแรงเบรกหรือการชะลอความเร็ว จึงทำให้ตัวรถไม่ไถลลื่นที่ล้อหลัง

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองอย่างแท้จริง ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระทั้งใต้เบาะนั่งและบริเวณช่องเก็บของด้านหน้า ซึ่งมีความจุเพิ่มขึ้นรวมกัน 12 ลิตร กระจกบังลมด้านหน้าของรุ่นนี้สามารถปรับระดับให้พอดีกับตัวผู้ขับขี่ได้ ขณะที่แพ็คเกจ Connectivity Pro ก็เพิ่มความสะดวกด้วยหน้าจอ TFT ใหญ่เต็มตา ขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานเชื่อมโยงกับแอป BMW Motorrad Connected และปุ่มควบคุมที่ติดตั้งอยู่บริเวณแฮนด์ข้างซ้าย ซึ่งออกแบบมาให้ใช้ควบคุมการตั้งค่าต่าง ๆ ได้สะดวก พร้อมเรียกใช้งานฟังก์ชันระบบนำทางและการเปิดเพลงจากสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ตัวรถในภาพรวมยังผ่านการปรับแต่งให้มีระดับความสูงจากพื้นที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ทำให้ขับขี่สบายกว่าที่เคย

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ พร้อมโลดแล่นในไทยในสีดำ Blackstorm Metallic พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ Style Exclusive ที่โดดเด่นด้วยสีขาว Diamond White Metallic และระบบไฟส่องสว่างที่สามารถฉายภาพโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูลงที่พื้นถนนได้

แคมเปญพิเศษสำหรับ BMW M และ BMW M Performance

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษกับแคมเปญ “BMW M Racetrack Training” ที่ BMW Advanced Driving Centre ในประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงเดือนตุลาคม 2025 นี้ โดยโอกาสพิเศษนี้เปิดให้เฉพาะลูกค้า 30 ท่านแรกที่จองและรับรถยนต์ BMW M หรือ BMW M Performance รุ่นที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 30 เมษายน 2025 ลูกค้า 30 ท่านแรกที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งรวมค่าเครื่องบินไป-กลับและที่พัก ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสรถยนต์ BMW M และ BMW M Performance หลากหลายรุ่น เช่น BMW M340i รวมถึง BMW M3 และ M4 สำหรับกิจกรรมการขับรถในสนามจะครอบคลุมการฝึกฝนทักษะการขับขี่ในด้านต่างๆ เช่น การควบคุมรถ การใช้ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และการทดสอบทักษะการขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การควบคุมการดริฟต์ และประสบการณ์ในสนามแข่งเต็มรูปแบบ

ข่าวประชาสัมพันธ์จาก BMW Group ประเทศไทย

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S