ใน , , , , ,

BYD ตู้ชาร์จไว 5 นาที แรง 1,000 kW ได้รางวัลเทคโนโลยีแห่งปีจาก INSIDEEVs

BYD ตู้ชาร์จไว 5 นาที แรง 1,000 kW ได้รางวัลเทคโนโลยีแห่งปีจาก INSIDEEVs

ในช่วงที่ผ่านมา หลายคนอาจคิดว่าปี 2025 เป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มสะดุด ผู้ผลิตรถหลายรายเริ่มชะลอ หรือถึงขั้นยกเลิกแผนรถ EV บางรุ่น ฝั่งของสหภาพยุโรปเองก็ยกเลิกการแบนรถสันดาป ในปี 2035 ตามแผนเดิม ผู้บริหารค่ายรถที่เคยประกาศอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เริ่มหันมาพูดถึง “ทางเลือกสำหรับผู้บริโภค” มากขึ้น

แต่เบื้องหลัง ยังมี 2 กระแสสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน

กระแสแรกคือ รถ EV รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ส่วนใหญ่จะพัฒนาไปดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งด้านเทคโนโลยี ต้นทุน และประสิทธิภาพ หลายแบรนด์ยังคงลงทุนด้านวิจัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

กระแสที่ 2 คือผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกอาจไม่มีทางเลือกมาก เพราะยังคงตามหลังแบรนด์จากประเทศจีน โดยเฉพาะ BYD ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีชาร์จไฟได้เร็วในระดับที่ไวเกือบจะเทียบเท่าการเติมน้ำมัน และเตรียมขยายการใช้งานสู่ยุโรปให้ได้ใช้งานจริงในเร็ว ๆ นี้

นั่นทำให้ตู้ชาร์จ Megawatt Flash Charger ของ BYD ได้รับเลือกให้เป็น “เทคโนโลยีแห่งปี 2026” จาก InsideEVs

BYD เป็นมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์

เรื่องราวของ BYD มักถูกเล่าผ่านการเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน และการขยายตลาดไปยังลาตินอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ BYD เป็นแบรนด์เทคโนโลยีที่ทำเอง ควบคุมเอง ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนปลายน้ำด้วยตนเอง

BYD เริ่มต้นจากการผลิตแบตเตอรี่ให้กับแบรนด์โทรศัพท์อย่าง Motorola และ Nokia ก่อนจะเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ แตกต่างจากค่ายรถส่วนใหญ่ที่เริ่มจากการทำรถ แล้วค่อยพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงตามมาที่หลัง

สำหรับตู้ชาร์จไว Megawatt Flash Charger ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระบบชาร์จรถ EV ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน

ชาร์จเกิน 50% ในเวลาไม่ถึง 5 นาที

เทคโนโลยี Flash Charging ของ BYD สามารถชาร์จจากแบตเตอรี่ระดับต่ำไปเกิน 50% ได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 1,000 kW หรือระดับเมกะวัตต์ (MW) ถือเป็นความเร็ว 2 เท่าของเครื่องชาร์จ DC ที่เร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา

หัวใจของระบบนี้คือ Super e-Platform ใหม่ของ BYD มาพร้อมสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้า 1,000V รวมถึงการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้า ชุดควบคุมมอเตอร์ ระบบระบายความร้อนของหัวชาร์จ ปลั๊ก และแม้แต่ระบบปรับอากาศของตัวรถใหม่ทั้งหมด

BYD Tang L EV

แพลตฟอร์มนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่ผ่านการพัฒนามาอย่างดี ทำให้สามารถรองรับการชาร์จกระแสแรงระดับเมกะวัตต์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไว้ได้ดี

นี่ไม่เพียงแค่เพิ่มความเร็วในการชาร์จ แต่เป็นการยกเครื่องแนวคิดการชาร์จรถ EV ใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ BYD พัฒนาเองทั้งหมด โดยไม่พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกเป็นหลักเหมือนค่ายรถตะวันตกหรือเอเชียรายอื่น

ตอบโจทย์ความกังวลหลักของรถ EV

อุปสรรคใหญ่ที่สุดของรถ EV คือระยะทางวิ่ง ความกังวลเรื่องการชาร์จ หลายคนมองว่ารถไฟฟ้าวิ่งได้ไม่ไกลพอ และยังใช้เวลาชาร์จนานกว่าการเติมน้ำมันมาก

BYD Han L EV

รถของ BYD ส่วนใหญ่ทำระยะทางวิ่งได้ดีอยู่แล้ว เมื่อผสานกับการชาร์จระดับเมกะวัตต์ ก็แทบจะทำลายความกังวลเรื่องเวลาไปได้เกือบหมด

BYD ตั้งเป้าหมายตั้งแต่แรกคือทำให้เวลาการชาร์จรถไฟฟ้าใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันรถ หรือกล่าวได้ว่า “ไฟฟ้า และน้ำมันจะใช้เวลาเติมเท่ากัน”

เริ่มจากจีน แต่ไม่หยุดอยู่แค่จีน

ปัจจุบัน มีรถเพียง 2 รุ่นในจีนที่สามารถใช้ศักยภาพของตู้ชาร์จ Megawatt Flash Charger ได้เต็มที่ นั่นก็คือ BYD Tang L และ Han L

BYD Han L EV

ระบบชาร์จนี้กำลังขยายไปยังยุโรป ถือเป็นบ้านของแบรนด์อย่าง Volkswagen และ Porsche และเมื่อแบรนด์หรู Denza ของ BYD เปิดตัวในยุโรปปี 2026 ก็มีแนวโน้มจะได้ใช้เทคโนโลยีนี้เช่นกัน

แม้การชาร์จระดับเมกะวัตต์ต้องใช้พลังงานสูง แต่ BYD มีแผนใช้ระบบกักเก็บพลังงานเพื่อลดผลกระทบให้กับโครงข่ายไฟฟ้า ส่วนผู้ผลิตแบรนด์อื่นอย่าง Zeekr, Huawei รวมถึง Mercedes-Benz ก็เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็วในระดับใกล้เคียงกันเเล้ว

ที่มา : Insideevs

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.