ก่อนหน้านี้ BYD Seal 06 DM-i ถูกเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (MIIT) รุ่นดังกล่าวจะมาพร้อมกับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 5 ใหม่ จาก BYD และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนนี้
พบ BYD Seal 06 DM-i โดยไม่ติดสติกเกอร์พรางตัว วิ่งทดสอบบนถนนในประเทศจีน คาดว่าเปิดตัวปลายเดือนนี้
โดยปกติแล้วรุ่น Seal จะถูกเปิดตัวเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในซีรีส์ Ocean ในปี 2022 ด้วยรุ่น Seal 06 DM-i จะมาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งจะถูกวางตำแหน่งไว้ระหว่าง Destroyer 05 และ Seal DM-i (Destroyer 07) ทั้งนี้ Seal 06 DM-i มีขนาดเล็กกว่า Seal DM-i (Destroyer 07) มาก แต่มีขนาดใหญ่กว่า Seal EV เล็กน้อย เปรียบเทียบได้ดังนี้
- BYD Seal 06 DM-i : 4,830 x 1,875 x 1,495 มม. / ระยะฐานล้อ 2,790 มม.
- BYD Destroyer 05 : 4,780 x 1,837 x 1,495 มม. / ระยะฐานล้อ 2,718 มม.
- BYD Seal DM-i (Destroyer 07) : 4,980 x 1,890 x 1,495 มม. / ระยะฐานล้อ 2,900 มม.
- BYD Seal EV : 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. / ระยะฐานล้อ 2,920 มม.
จากที่เปรียบเทียบด้านบนนี้ อาจทำให้เราสามารถสับสนรุ่นรถได้ ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ BYD Qin L DM-i รุ่นใหม่ ที่กำลังจะมาถึงตัวแทนจำหน่ายในจีน ในวันที่ 29 พ.ค. 2024 นี้ จะพบว่ามีขนาดใกล้เคียงกัน
- BYD Qin L DM-i : 4,830 x 1,900 x 1,495 มม. / ระยะฐานล้อ 2,790 มม.
ส่วนเรื่องระบบส่งกำลังใน BYD Seal 06 DM-i ค่อนข้างจะเหมือนกับ BYD Qin L โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 74 kW และมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 120 kW และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 160 kW
ในขณะเดียวกัน เรื่องแบตเตอรี่ จะมาพร้อม Blade Battery (LFP) ที่มีความจุ 10.08 kWh และ 15.874 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทาง 80 กม. และ 120 กม. ตามลำดับ (CLTC) ในทางกลับกัน BYD Qin L สามารถวิ่งได้ระยะทาง 60 กม. และ 90 กม. ตามลำดับ
รุ่น 80 กม. จะมาพร้อมกับล้อขนาด 17 นิ้ว หน้าจอหลังพวงมาลัยขนาด 8.8 นิ้ว, หน้าจอสัมผัส infotainment ที่หมุนได้ ขนาด 12.8 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ DiLink ของ BYD, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัย 6 ใบ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control), ระบบ VtoL, ลำโพง 6 ตัว และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
รุ่น 120 กม. จะมาพร้อมกับล้อขนาด 18 นิ้ว หน้าจอหลังพวงมาลัยขนาด 8.8 นิ้ว, หน้าจอสัมผัส infotainment ที่หมุนได้ ขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ DiLink ของ BYD, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัย 8 ใบ พร้อมถุงลมด้านข้าง, ลำโพง 8 ตัว, ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ, กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ, หลังคากระจกซันรูฟแบบพาโนรามา, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงระดับ 2 DiPilot (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking), ระบบช่วยรักษาให้รถอยู่ในเลน (Lane Keep Assist) และ ระบบตรวจจับจุดอับสายตา (Blind Spot Detection)), เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, เบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, เบาะนั่งด้านหน้ามีระบบระบายอากาศ, มีกล้องบันทึกการขับขี่ติดตั้งมาให้, ไฟ Ambient Light หลายสี, รองรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย กำลังไฟ 15W และ ระบบปรับอากาศกรองฝุ่น PM2.5
สำหรับราคา คาดการณ์ไว้ระหว่าง 120,000 – 150,000 หยวน (16,750 – 20,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 607,520 – 759,400 บาท) และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนนี้
ที่มา : CarNewsChina[1] , [2]
ภาพ : autohome