ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า BYD จะส่งมอบระบบขับขี่อัจฉริยะให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในปี 2025 เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงระบบขับขี่อัจฉริยะได้มากขึ้น ล่าสุด BYD ก็ได้ออกมาประกาศรถยนต์ 21 รุ่นที่จะมาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ God Eye ด้วยราคาเท่าเดิม
BYD เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขายดี 21 รุ่นที่จะมาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ God Eye ในราคาเท่าเดิม
ในงานสัมนาเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า BYD ได้เปิดตัวรถยนต์ที่ขายดีที่สุด 21 รุ่น ที่ตอนนี้ได้รับการอัปเกรดเป็น Smart Driving Edition มาพร้อมระบบอัจฉริยะ God Eye ใหม่ทั้งหมดด้วยราคาเท่าเดิม
ซึ่ง Wang Chuanfu ซีอีโอของ BYD กล่าวว่า “เทคโนโลยีที่ดีควรพร้อมให้ทุกคนเข้าถึงได้” บริษัทจึงมอบการอัปเกรดระบบให้กับรถยนต์ไฟ้ฟ้าที่ขายดีทั้งหมด
โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า 11 รุ่นจาก Ocean Series ประกอบด้วยรถยนต์ขายดีบางรุ่น เช่น Seagull, Dolphin และ Seal EV รวมถึงรถยนต์ในไลน์ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Han, Song และ Yuan และรถยนต์ PHEV อย่าง Seal 05 DM-i ก็ได้รับการอัปเกรดด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ BYD ได้มอบประสบการณ์ระบบขับขี่อัจฉริยะ God Eye เฉพาะรถรุ่นที่มีราคาสูงเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะในรถรุ่นที่มีราคาสูงกว่า 200,000 หยวน เนื่องจากมีต้นทุนสูงจึงทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงคุณสมบัติเหล่านี้ได้
แต่ตอนนี้ BYD ได้แบ่งระดับของระบบขับขี่อัจฉริยะ God Eye ใหม่ออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งจะมีระดับเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานในรถรุ่นต่าง ๆ
โดยระดับแรกคือ God Eye C จะใช้กับรถยนต์แบรนด์ BYD เช่น Seagull ที่มีกล้องเรดาห์ 12 ตัว, เรดาห์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว
ส่วนระดับกลางจะเป็น God Eye B ที่เพิ่มการทำงานร่วมกับ LiDAR เข้ามา และจะใช้กับรถยนต์ระดับแบรนด์พรีเมี่ยม คือ Denza และ Fang Cheng Bao รวมถึงรถยนต์แบรนด์ BYD เรือธงบางรุ่นด้วย ซึ่งระบบนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบ DiPilot 300 ที่มีกำลังประมวลผล 300 TOPS
ส่วนระดับบนสุด God Eye A จะทำงานร่วมกับ LiDAR 3 ตัวและระบบ DiPliot 600 ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท ใช้กับแบรนด์รถยนต์ระดับไฮเอนด์อย่าง YangWang ซึ่งเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะระดับสูงสุดนี้ BYD ได้โชว์วิดีโอที่รถ YangWang U9 ขับขี่แบบไร้คนขับ กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้
เห็นได้ว่า BYD พยายามส่งมอบระบบขับขี่อัจฉริยะให้กับรถยนต์ที่ขายดีทุกรุ่น แม้กระทั่ง BYD Seagull ที่เป็นรถรุ่นราคาประหยัดที่สุด มีราคาเริ่มต้นเพียง 69,900 หยวน ก็ยังได้ใช้ระบบขับขี่อัจฉริยะ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พอจะทำให้เราได้เห็นทิศทางของ BYD ในอนาคตว่า บริษัทพยายามจะมุ่งเน้นพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะให้ดีขึ้นต่อไป ซึ่ง Wang Chuanfu กล่าวในงานนี้ว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะระดับสูงจะกลายเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของรถยนต์ เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย
ที่มา electrek, cnevpost