ใน , ,

CATL กล่าวว่าจีนจะเลิกใช้คำว่า “EV” เปลี่ยนเป็น “EIV” แทน เพราะราคาเข้าถึงง่ายขึ้นแต่เทคโนโลยีล้ำขึ้น

จีนเตรียมปลุกกระแสคำนิยามใหม่อย่าง “EIV” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความชาญฉลาดที่กำลังเป็นที่นิยมในจีน แทนที่คำว่า “EV” มาชมรายละเอียดคำนี้กันครับ

CATL กล่าวว่าจีนจะเลิกใช้คำว่า “EV” เปลี่ยนเป็น “EIV” แทน เพราะราคาเข้าถึงง่ายขึ้นแต่เทคโนโลยีล้ำขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น ด้วยคำศัพท์ใหม่ที่เริ่มถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย คำว่า “EIV” มากจากคำว่า Electric Intelligent Vehicle กำลังเข้ามาแทนที่คำว่า “EV” แบบเดิม หากพิจารณาถึงเทคโนโลยี และความสามารถอัจฉริยะที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน

ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าจีนจึงถูกเรียกว่า EIV?

จีนเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่างชัดเจน จากข้อมูลของ Rho Motion ในปีที่ผ่านมา มีการขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกถึง 17.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2023 จีนครองส่วนแบ่งมากถึง 64% หรือราว 11 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายในยุโรปลดลง 3% เหลือเพียง 3 ล้านคัน เนื่องจากการยุติเงินอุดหนุนของเยอรมนี ส่วนสหรัฐฯ และแคนาดามียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 9% เท่านั้น

ในงาน World Economic Forum ที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพัน จื่อหาว (Pan Zhenhua) ประธานร่วมของ CATL กล่าวว่า การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นผลมาจากการผสานรวมที่สมบูรณ์แบบระหว่าง “E” (Electric) และ “I” (Intelligence) เพราะเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้าทำให้เกิดระบบอัจฉริยะที่ไม่สามารถทำได้ในรถยนต์สันดาปภายในทั่วไป

EIV รถยนต์ไฟฟ้าที่อิจฉริยะขึ้น

แม้ว่าคำว่า “EIV” จะยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI ระบบช่วยขับขี่ (ADAS) และซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Xiaomi SU7 ซึ่งเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา รถรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่จาก CATL และมีราคาประมาณ 215,900 หยวน (ประมาณ 1.08 ล้านบาท) จุดเด่นของ SU7 ได้แก่:

  • หน้าจออินโฟเทนเมนต์ 16.1 นิ้ว ความละเอียด 3K รองรับ Apple CarPlay
  • หน้าจอแสดงผลบนกระจก (HUD) ขนาด 56 นิ้ว
  • ระบบควบคุมอุปกรณ์ในบ้านของ Xiaomi กว่า 1,000 รายการจากภายในรถ
  • เซ็นเซอร์รอบคัน 11 กล้อง, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 จุด, LiDAR และแพลตฟอร์ม NVIDIA Drive Orin สำหรับระบบขับขี่อัจฉริยะ

ขณะที่ BYD คู่แข่งสำคัญของ CATL และผู้นำในตลาด EV จีน กำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยี ADAS โดยในปีที่ผ่านมา BYD ประกาศแผนลงทุน 100,000 ล้านหยวน (ประมาณ 5 แสนล้านบาท) เพื่อเป็นผู้นำในด้านการขับขี่อัจฉริยะ และเตรียมติดตั้งระบบช่วยขับอัตโนมัติเป็นมาตรฐานในรถที่มีราคามากกว่า 300,000 หยวน (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)

CATL เปิดตัว Bedrock Chassis มาตรฐานใหม่ของ EIV

เมื่อเดือนที่ผ่านมา CATL เปิดตัว “Bedrock Chassis” ซึ่งเป็นโครงสร้างแพลตฟอร์มแบตเตอรี่แบบสเก็ตบอร์ดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “แพลตฟอร์มรถยนต์อัจฉริยะที่ปลอดภัยที่สุดในโลก” CATL ระบุว่าแพลตฟอร์มนี้จะช่วยเปิดตลาดใหม่ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านหยวน และจะเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบรถยนต์อัจฉริยะในอนาคต

EIV จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไร?

ด้วยการรวมพลังของระบบไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ EIV จะไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าธรรมดาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “ศูนย์กลางเทคโนโลยี” ที่สามารถเชื่อมต่อกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่อัตโนมัติ ระบบผู้ช่วย AI หรือการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน

การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้จีนยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV และอาจทำให้คำว่า “EIV” กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการยานยนต์ทั่วโลกในอนาคต

ที่มา : Electrek

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.