ใน

ผลสำรวจรถยนต์จาก Global EV เผยผู้ขับขี่รถยนต์ EV 92% ยังอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไป เพียง 1% อยากกลับไปใช้รถยนต์น้ำมัน

ผลสำรวจล่าสุดจาก Global EV Drivers Alliance (GEVA) พบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 92% อยากซื้อรถคันต่อไปเป็นรถยต์ไฟฟ้า และมีไม่ถึง 1% ต้องการกลับมาใช้รถยนต์น้ำมันอีกครั้ง เรามาชมรายละเอียดของผลสำรวจกัน

ผลสำรวจรถยนต์จาก Global EV เผยผู้ขับขี่รถยนต์ EV 92% ยังอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไป เพียง 1% อยากกลับไปใช้รถยนต์น้ำมัน

การสำรวจครั้งนี้ GEVA ได้ส่งแบบสอบถามให้กับผู้คนมากกว่า 23,254 คน จาก 18 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย บราซิล แคนาดา คอสตาริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี อินเดีย ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ผลตอบแบบสอบถามพบว่า

  • ผู้ขับขี่รถยนต์ EV 92% จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ต่อไป หากต้องเปลี่ยนรถใหม่พรุ่งนี้
  • ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 4% จะซื้อรถยนต์ไฮบริด (HEV) หรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) หาต้องเปลี่ยนรถใหม่พรุ่งนี้
  • ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ถึง 1% จะกลับมาใช้รถยนต์น้ำมันเบนซิลหรือดีเซล หากต้องเปลี่ยนรถยนต์ใหม่พรุ่งนี้
  • โดยรวมแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถาม 97% มีความพึงพอใจหรือพึงพอใจมากกับการเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า

Petter Haugneland ผู้ช่วยเลขธิการสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนอร์เวย์ให้สัมภาษณ์ว่า ผลการสำครวจยืนยันว่าผุ้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ามีความพึงพอใจในตัวเลือกของตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งรายงานเกี่ยวกับความนิยมของยานยนต์ไฟฟ้าที่ลดลงนั้นเกินจริงไปมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรายงานจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าลดลง แต่ในขณะเดียวกันจำนวนการซื้อยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในปี 2024

เหตุผลที่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ตอบแบบสอบถาม

นอกจากนี้การสำรวจดังกล่าว ยังสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเหตุผลที่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดย 3 คำตอบแรกระบุว่า

  • รถยนต์ไฟฟ้ามีตุ้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่ารถยนต์น้ำมัน
  • รถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์น้ำมัน จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
  • รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเสียงรบกวนขณะใช้งาน

ความเห็นด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ตอบแบบสอบถาม

  • 72% ของผู้ตอบแบบสองถามระบุว่า ส่วนใหญ่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน
  • 13% ของผู้ตอบแบบสองถามระบุว่า ชาร์จที่เครือข่ายการชาร์จเร็วสาธารณะ (DC Charger)
  • 7% ของผู้ตอบแบบสองถามระบุว่า ชาร์จ AC Charger ในที่จอดรถสาธารณะ

ผลสำรวจปัญหาของรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ตอบแบบสอบถาม

นอกจากนี้ การสำรวจยังสอบถามมุมมองต่อรถยนต์ไฟฟ้า ว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีข้อเสียหรือไม่ คำตอบที่นิยมมากที่สุดคือ “ไม่มี” รองลงมาผู้ตอบแบบสอบถามได้ระบุข้อเสียดังนี้

  • สถานีชาร์จเร็วยังไม่ค่อยครอบคลุม
  • การชาร์จรถใช้เวลานาน
  • เครื่องชาร์จมักจะเสีย ใช้งานไม่ได้

ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในบราซิลเห็นด้วยว่า การเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ต้องมีการวางแผนมากกว่าการใช้รถยนต์น้ำมัน ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดน เผยว่า การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์น้ำมันไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก

ด้านความกังวลเกี่ยวกับระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้า ในอินเดียและบราซิลได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนผู้ใช้ในเยอรมันและสวิตเซอรแลนด์เผยว่า ระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ปัญหา ในส่วนผู้ใช้ในนอร์เวย์เผยว่า มีความกังวลเกี่ยวกับระยะทางที่ไกลกว่าค่าเฉลี่ย

ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าบางพื้นที่ยังคงกังวลเกี่ยวกับ เครือข่ายการชาร์จที่ขยายตัวยังไม่ครอบคลุมและไม่ทันต่อความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ผลสำรวจปัญหาเกี่ยวกับการชาร์จมีดังนี้

  • 3% ระบุว่าประสบปัญหาด้านเครือข่ายการชาร์จไม่เพียงพอบ่อยครั้ง
  • 40% ระบุว่าไม่ค่อยประสบปัญหาด้านเครือข่ายการชาร์จไม่เพียงพอ
  • 28% ระบุว่าไม่เคยประสบปัญหาปัญหาด้านเครือข่ายการชาร์จไม่เพียงพอ
  • 27% ระบุว่าพบปัญหาเครื่องชาร์จไม่ทำงานเป็นบางครั้ง
  • 5% รถบุว่าไม่เคยพบปัญหาเกี่ยวกับเครื่องชาร์จเลย

ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 50% ยังเห็นด้วยว่า ควรใช้วิธีการชำระเงินสำหรับการชาร์จด้วย “การแตะบัตร” โดยไม่ต้องเป็นต้องดาวน์โหลดแอปเฉพาะสำหรับแต่ละเครือข่ายการชาร์จ ชี้ให้เห็นว่าผู้คนต้องการให้เครือข่ายการชาร์จมีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งอาจจะต้องกำหนดโดยหน่วยงานกลาง

แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศใหญ่

ประเทศนอเวย์ยังคงเป็นผู้นำโลกในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นประเทศแรกที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้ารถยนต์สันดาปในเร็ว ๆ นี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าครอสส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ใหม่ในนอเวย์ถึง 94% เพิ่มขึ้นจาก 81% เมื่อปีที่แล้ว โดยรถยนต์ที่ขายดีที่สุดคือ Tesla Model Y ตามมาด้วย Model 3

ส่วนในประเทศจีน รถยนต์ PHEV ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว พบว่ามีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าถึง 1 ล้านคัน โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 582,813 คัน และเป็นรถยนต์ PHEV 444,270 คัน

นอกจากนี้ประเทศจีนยังเป็นแหล่งที่ตั้งของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกหลายราย และพยายามขยายตลาดไปยังยุโรปและอเมริกา ถึงแม้ว่าจะต้องต่อสู้กับภาษีนำเข้าที่บัคับใช้

ส่วนในสหรัฐอเมริกา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากยอดขายในไตรมาสที่ 3 พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 5$ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 8.9% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 7.8% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2023

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Cox Automotive รายงานอีกว่า รถยนต์ไฮบริด (HEV) ที่ไม่ใช่แบบปลั๊กอินมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก และช่วยชดเชยส่วนแบ่งที่ลดลงเล็กน้อยของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ลดลงเป็น 7% จากไตรมาสที่ 2 มีส่วนแบ่ง 7.4%

ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลสำรวจจาก Global EV Drivers Alliance (GEVA) ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังคงพึงพอใจในการใช้งานกับรถยนต์ที่ตนเองเลือก และหากต้องการซื้อคันต่อไป ก็ยังคงเลือกจะใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้เห็นแนวโน้มว่าผู้คนเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น การเลือกใช้รถยนต์น้ำมันอาจมีแนวโน้มลดลง

ที่มา insideevs

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.