ใน ,

เปิดตัว GWM Tank 500 รถ SUV ออฟโรดรุ่นใหม่ในจีน มี LiDAR และระบบ ADAS พร้อมเครื่องยนต์ PHEV และ ICE เริ่ม 1.769 ล้านบาท

Great Wall Motor (GWM) เปิดตัว Tank 500 รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการในตลาดจีน โดยถูกวางตำแหน่งให้เป็น “รถยนต์ SUV ออฟโรดหรูอัจฉริยะสำหรับทุกสถานการณ์” โดดเด่นด้วยเซนเซอร์ LiDAR บนหลังคาและระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง Coffee Pilot Ultra เจเนอเรชันที่ 3 ของ GWM

เปิดตัว GWM Tank 500 รถ SUV ออฟโรดรุ่นใหม่ในจีน มี LiDAR และระบบ ADAS พร้อมเครื่องยนต์ PHEV และ ICE เริ่ม 1.769 ล้านบาท

รถยนต์รุ่นนี้มีตัวเลือกทั้งแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) โดยมีราคาดังนี้

  • รุ่น Hi4-Z Smart Edition: ราคา 375,000 หยวน (ประมาณ 1,980,000 บาท)
  • รุ่น Hi4-T Smart Edition: ราคา 355,000 หยวน (ประมาณ 1,875,000 บาท)
  • รุ่น Hi4-T Basic Edition: ราคา 335,000 หยวน (ประมาณ 1,769,000 บาท)
  • รุ่น 3.0T Creative Edition (เครื่องยนต์ ICE): ราคา 355,000 หยวน (ประมาณ 1,875,000 บาท)

เพียง 2 ชั่วโมงหลังจากการเปิดตัว GWM Tank 500 รุ่นใหม่ก็ได้รับยอดจองถึง 12,257 คัน

การออกแบบภายนอกและเทคโนโลยีอัจฉริยะ

การออกแบบภายนอกของ Tank 500 ยังคงความดุดันและหรูหราเหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่มีการเพิ่มสีใหม่ Dunhuang Green เข้ามาให้เลือกจากเดิมที่มีสี Kunlun Gold, Pamir Silver และ Mount Everest White

มีมิติตัวถังขนาด ความยาว 5,078 มม. ความกว้าง 1,934 มม. ความสูง 1905 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,850 มม.

ในด้านเทคโนโลยี Tank 500 ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Coffee Pilot Ultra เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งทำงานด้วยเซนเซอร์ถึง 27 ตัว ประกอบด้วย LiDAR 1 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 3 ตัว, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้องความละเอียดสูง 11 ตัว ทำให้สามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบนำทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้ทั้งในเมืองและบนทางหลวงโดยไม่ต้องใช้แผนที่ความละเอียดสูง

นอกจากนี้ GWM ยังอ้างว่าระบบช่วยจอดรถสามารถรองรับพื้นที่จอดได้มากกว่า 200 รูปแบบ ทั้งการจอดแบบเข้าซอง, จอดเฉียง และการจอดในพื้นที่อับสายตา

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Coffee Night Vision Far-infrared ซึ่งเป็นระบบอินฟราเรดระยะไกลที่ช่วยตรวจจับรถยนต์ได้ไกลถึง 120 เมตร และคนเดินถนนได้ไกลถึง 90 เมตร แม้ในสภาพอากาศที่มีฝนตก, หิมะตก หรือมีฝุ่นละออง

การออกแบบภายใน

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในห้องโดยสารคือการเพิ่มก้านเกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่คอพวงมาลัย, ตู้เย็นขนาด 50 ลิตรที่สามารถทำความเย็นได้ระหว่าง -6°C ถึง 50°C และแผ่นชาร์จไร้สายแบบคู่ขนาด 50W

นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 14.6 นิ้ว, นาฬิกาใต้จอ และระบบ HUD ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ GWM Coffee OS 3 และชิป Qualcomm Snapdragon 8295

ผู้โดยสารแถวที่สองสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงจากหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K ที่ติดตั้งบนเพดาน ซึ่งรองรับการควบคุมถึง 6 รูปแบบ เช่น การสั่งงานด้วยเสียง, ท่าทาง, การสัมผัส, โทรศัพท์มือถือ, รีโมทคอนโทรล และหน้าจอที่พักแขนด้านหลัง

นอกจากนี้ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa ทุกที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาพร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน พนักพิงเบาะหลังยังสามารถปรับเอนได้ระหว่าง 25° ถึง 35° และสามารถพับลงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 1,489 ลิตร

ขุมพลังและสมรรถนะ

Tank 500 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่

รุ่น Hi4-T: เป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 2.0T และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกับเกียร์ 9HAT ให้กำลังรวมสูงสุด 300 กิโลวัตต์ (402 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 37.1 kWh สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกล 110 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.9 วินาที และมีระยะทางวิ่งรวมสูงสุด 900 กม.

รุ่น Hi4-Z: เป็นปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เช่นกัน แต่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0T และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ทำงานกับเกียร์ 3-speed DHT ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 635 กิโลวัตต์ (852 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 1195 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 59.05 kWh สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกล 201 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 4.3 วินาที และมีระยะทางวิ่งรวมสูงสุด 1,096 กม.

ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน (ICE) จะใช้เครื่องยนต์ V6 3.0T ให้กำลังสูงสุด 265 กิโลวัตต์ (355 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเกียร์ 9AT

การเปิดตัวของ GWM Tank 500 รุ่นใหม่นี้ แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของ GWM ในการยกระดับรถยนต์ออฟโรดให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย ทั้งขุมพลังไฮบริดและเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน

เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใส่มาอย่างจัดเต็มตั้งแต่ระบบช่วยขับขี่ไปจนถึงความบันเทิงในห้องโดยสาร ทำให้ Tank 500 ไม่ใช่แค่รถยนต์ออฟโรดทั่วไป แต่คือรถยนต์ออฟโรดอัจฉริยะที่จะเข้ามาเปลี่ยนนิยามของการผจญภัยในยุคใหม่ พร้อมลุยได้ทุกเส้นทางและทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง

ที่มา carnewschina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.