Kawasaki เผยโฉมรถมอเตอร์ไฟฟ้าคันแรกของค่าย ได้แก่ Ninja e-1 รถสปอร์ต และ Z e-1 รถเน็กเก็ตไบค์ โดยการออกแบบภายนอกของทั้งสองรุ่น ยังคง DNA จากรถขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปของสองรุ่นนี้เอาไว้ ราคาเริ่มต้น 2.70 แสนบาท
Kawasaki เผยข้อมูลมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 รุ่นแรก ได้แก่ Ninja e-1 และ Z e-1 สามารถสั่งซื้อได้แล้วในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ราคาเริ่มต้น 2.70 แสนบาท
ในที่สุด Kawasaki ได้เปิดเผยข้อมูลจําเพาะขั้นสุดท้ายรวมถึงราคาสําหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสองคันแรก ได้แก่ Kawasaki Ninja e-1 และ Kawasaki Z e-1 โดยทั้งสองคันกําลังเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) รวมถึงในสหราชอาณาจักรด้วย
ดีไซน์ภาพรวม
ดีไซน์การออกแบบของทั้งสองรุ่นนี้ เรียกได้ว่าไม่มีความแตกต่างหรือแปลกหูแปลกตาเป็นพิเศษแต่อย่างใด เพราะ Kawasaki ได้เลือกใช้รหัส Ninja ที่เป็นรถสปอร์ต และรหัส Z ที่เป็นรถเน็กเก็ตไบค์ นำมาปรับแก้ให้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้เท่านั้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่า Kawasaki ยังคงความเป็น DNA การออกแบบของรหัสทั้งสองรุ่นนี้เอาไว้อย่างครบถ้วน
Kawasaki Ninja e-1
- มิติตัวรถ 1,981 x 686 x 1,105 มม.
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 170 มม.
- ระยะฐานล้อ 1,369 มม.
- ความสูงเบาะนั่ง 785 มม.
- น้ำหนักรถ 140 กก.
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
- ขนาดยางหน้า 100/80R17M/C (52S)
- ขนาดยางหลัง 130/70R17M/C (62S)
Kawasaki Z e-1
- มิติตัวรถ 1,981 x 729 x 1,034 มม.
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 170 มม.
- ระยะฐานล้อ 1,369 มม.
- ความสูงเบาะนั่ง 785 มม.
- น้ำหนักรถ 135 กก.
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
- ขนาดยางหน้า 100/80R17M/C (52S)
- ขนาดยางหลัง 130/70R17M/C (62S)
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่น ใช้ระบบกันสะเทือนและระบบเบรกที่เหมือนกัน คือ เริ่มจากระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็น Telescopic ขนาด 41 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังจะเรียกว่า Uni-Trak ที่สปริงสามารถปรับค่าพรีโหลดได้ ในส่วนของระบบเบรก ด้านหน้ามาพร้อมคาลิปเปอร์เบรก 2 ลูกสูบ พร้อมจานดิสก์เบรกขนาด 290 มม. และระบบเบรก ด้านหลังมาพร้อมคาลิปเปอร์เบรก 2 ลูกสูบ พร้อมจานดิสก์เบรกขนาด 220 มม. นอกจากนี้ยังมีระบบเบรก ABS ทั้งล้อหน้าและหลัง
ขุมพลัง
สเปคมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้ จะมีสเปคที่เหมือนกันทั้งหมด โดยทั้งสองรุ่น จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ขนาด 5 kW (6.8 แรงม้า) ให้กำลังสูงสุด 9 kW (12 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 40.27 นิวตันเมตร
ในส่วนของแบตเตอรี่ มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 30 แอมป์-ชั่วโมง แรงดันไฟฟ้า 50.4 V จำนวน 2 ลูก รองรับการถอดแบตเตอรี่ออกจากตัวรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อนำมาชาร์จข้างนอกได้ โดย Kawasaki ได้ออกแบบวิธีชาร์จไฟให้กับตัวรถ ที่มีความสะดวกสบายที่สุด โดยจะเลือกชาร์จไฟผ่านตัวรถหรือเลือกถอดตัวแบตเตอรี่ออกมาชาร์จ ก็ทำได้เช่นกัน แบตเตอรี่ก้อนนึงใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มประมาณ 3.7 ชั่วโมง
ทั้ง Kawasaki Ninja e-1 และ Kawasaki Z e-1 จะมีโหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ ได้แก่ Road และ Eco ซึ่งจะมีการตอบสนองของกำลังการขับขี่ที่แตกต่างกัน ถ้าในโหมด Eco จะจำกัดความเร็วไว้ที่ 64 กม./ชม. และถ้าใช้ฟังก์ชัน e-Boost ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเป็น 76 กม./ชม. ส่วนโหมด Road จะจำกัดความเร็วไว้ที่ 88 กม./ชม. และถ้าใช้ฟังก์ชัน e-Boost ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเป็น 105 กม./ชม. ซึ่งฟังก์ชัน e-Boost จะใช้งานได้เพียง 15 วินาที ดังนั้น จะใช้เพื่อเร่งความเร็วในการแซงเป็นหลักเท่านั้น
ส่วนเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ จะอยู่ประมาณ 66 กม. ซึ่งทาง Kawasaki ได้ใช้โหมด Road (ไม่ได้ใช้ฟังก์ชัน e-Boost) ในการขับขี่ทดสอบ
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
หน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่น ซึ่งจะแสดงข้อมูลสถานะต่างๆ แบบครบครั้น ไม่ว่าจะความเร็ว โหมดการขับขี่ เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ ระยะทางที่ขับขี่ได้ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟนของผู้ขับ ผ่านแอปพลิเคชัน Rideology ของ Kawasaki และเรือนไมล์ TFT ก็สามารถปรับตั้งค่าความสว่างความมืดได้แบบอัตโนมัติอีกด้วย
ราคาจำหน่ายในสหรัฐฯ
- Kawasaki Ninja e-1 มีราคาเริ่มต้น 7,599 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.81 แสนบาท)
- Kawasaki Z e-1 มีราคาเริ่มต้น 7,299 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.70 แสนบาท)
ที่มา – electrek , Kawasaki Ninja e-1 และ Kawasaki Z e-1