ใน , , ,

Mercedes-Benz Vision Iconic สัญลักษณ์แห่งอนาคต พร้อมเอกลักษณ์ให้เกียร์รถอดีตในปี 1930 ว่าที่ S-Class Coupé ไฟฟ้า 100%

Mercedes-Benz Vision Iconic สัญลักษณ์แห่งอนาคต พร้อมเอกลักษณ์ให้เกียร์รถอดีตในปี 1930 ว่าที่ S-Class Coupé ไฟฟ้า 100%

แบรนด์ Mercedes-Benz การผสมผสานระหว่าง “มรดกทางดีไซน์” และ “นวัตกรรมแห่งอนาคต” ถือเป็นความท้าทายไม่น้อย โดยในยุคที่แบรนด์กำลังปรับตัวเข้าสู่โลกยานยนต์ไฟฟ้า หลังจากแนวทางดีไซน์ของ EQE และ EQS ที่ถูกวิจารณ์ว่าดู “โค้งและกลมเกินไป” ล่าสุด Mercedes ได้เผยโฉมรถต้นแบบ Vision Iconic สะท้อนแนวทางดีไซน์ยุคใหม่ที่หวนกลับไปให้เกียรติอดีตอันรุ่งโรจน์ของแบรนด์มาอย่างยาวนานถึง 100 ปี

การออกแบบ: หรูหรา ดุดัน และสง่างาม

Vision Iconic ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากรถคลาสสิกในยุค 1930 เช่น Mercedes-Benz SSK และ 500K ด้วยสัดส่วนที่สง่างามแต่ทรงพลัง ฝากระโปรงหน้ายาวสุด ๆ เส้นหลังคาโค้งไล่ระดับลงสู่ด้านท้ายอย่างงดงาม และล้อขนาดมหึมาที่เสริมความมั่นคงให้ตัวรถ

ด้านหน้ามาพร้อม “กระจังหน้าไฟเรืองแสง” ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูลใหม่ของ Mercedes ไฟ LED ขนาดเล็กนับร้อยดวง จัดวางบนแผงแยกที่มีซี่ไฟเรืองแสงเชื่อมเข้ากับแกนกลางแบบ “สันกระดูกสันหลัง” และเหนือสุดของฝากระโปรงด้วย “ตราดาวสามแฉกเรืองแสงได้” สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิของ Mercedes-Benz มาอย่างยาวนาน

ชุดไฟหน้าถูกออกแบบให้สะท้อนสัญลักษณ์ดาวสามแฉก อยู่ภายในกรอบเรียวพร้อมช่องแนวตั้ง ซึ่งดีไซน์นี้เริ่มถูกนำมาใช้แล้วในรถยนต์จริง เช่น GLC EV, CLA-Class และ S-Class รุ่นปรับโฉมใหม่

ด้านข้างตัวรถมีช่องระบายอากาศโค้ง 2 จุดก่อนถึงประตู พร้อมเส้นโครเมียมบริเวณขอบล่างและขอบหน้าต่างสไตล์แบบกระสูนปืนที่เพิ่มความเท่และหรูหรา ส่วนด้านท้ายได้รับแรงบันดาลใจจาก Mercedes 300 SL ยุค 1950 โดยใช้ไฟท้าย LED แบบเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

ภายในห้องโดยสาร: หรูแบบเรโทร ผสานเทคโนโลยีอนาคต

ภายใน Vision Iconic ออกแบบภายใต้แนวคิด “ความสบายระดับเลานจ์” สำหรับยุคการขับขี่อัตโนมัติ แต่ยังคงกลิ่นอายคลาสสิกกว่ารถต้นแบบรุ่นก่อน ๆ อย่าง Vision V พวงมาลัยทรง 4 ก้านขนาดใหญ่ดูคล้ายพวงมาลัยเรือใบยุคศตวรรษที่ 19 และมีหน้าปัดกลไกดีไซน์หรูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาหรู

แผงหน้าปัดได้นิยามฉายาว่า “Zeppelin” เนื่องจากรูปทรงวงรีคล้ายเรือเหาะในยุคต้นปี 1900 ทั้งสองด้านตกแต่งด้วยกระจกพร้อมแสงสีฟ้า และมีแถบไฟ LED พาดยาวตามแนวกระจกหน้าและประตู ด้านกลางมีชุดนาฬิกาหลายเรือน หนึ่งในนั้นประดับด้วยโลโก้ Mercedes-Benz ทำหน้าที่เป็น “ผู้ช่วย AI”

ด้านในของ Zeppelin มี “ขวดโลหะ” ขนาดใหญ่ที่มีลวดลายภูเขา ซึ่ง Mercedes ไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่มีความคล้ายกับ “Gallery” ในรถ Rolls-Royce สมัยใหม่ที่ใช้จัดแสดงงานศิลปะบนแดชบอร์ดผู้โดยสาร

วัสดุภายในเน้นความหรูหรา เช่น แผงประตูประดับเปลือกหอยมุก มือจับทองเหลืองมีแสงไฟสีน้ำเงินด้านหลัง เบาะหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม และพื้นห้องโดยสารตกแต่งด้วยลวดลายฟางไม้ (straw marquetry) สีฟ้าสุดประณีต

เทคโนโลยีเพื่ออนาคต

Vision Iconic ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ยังสะท้อนทิศทางเทคโนโลยีของ Mercedes ในอนาคต โดยแบรนด์กำลังพัฒนา “แผงโซลาร์เซลล์บางเฉียบ” ที่สามารถติดตั้งในพื้นผิวรถ EV เพื่อรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ช่วยเพิ่มระยะทางขับเคลื่อน ทาง Mercedes ระบุว่าพื้นที่ประมาณ 118 ตารางฟุต (เทียบเท่ารถ SUV ขนาดกลาง) สามารถเพิ่มระยะทางได้สูงสุดประมาณ 12,000 กิโลเมตร/ปี ในสภาพอากาศที่เหมาะสม

แผงโซลาร์เซลล์นี้รีไซเคิลง่าย ไม่ใช้แร่หายาก และสามารถผลิตพลังงานได้แม้ในขณะที่รถดับเครื่องอยู่

ในด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ Vision Iconic รองรับ Level 2 สำหรับการขับในเมือง และ Level 4 สำหรับทางหลวง โดย Mercedes กำลังพัฒนา “Neuromorphic computing” หรือระบบประมวลผลที่ทำงานคล้ายสมองมนุษย์ ซึ่งช่วยให้ AI ใช้พลังงานลดลงถึง 90% และตอบสนองได้เร็วขึ้น เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

รถคันนี้ยังใช้ระบบ Steer-by-Wire ที่ตัดการเชื่อมต่อทางกลระหว่างพวงมาลัยกับล้อหน้า ทำให้ควบคุมได้แม่นยำและปรับมุมเลี้ยวได้ตามความเร็ว เหมาะสำหรับรถขนาดใหญ่เช่นนี้ โดยเฉพาะในการจอดหรือขับในพื้นที่จำกัด

สัญลักษณ์แห่งทิศทางใหม่ของ Mercedes-Benz

แม้ Vision Iconic จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อขายจริง แต่แนวคิดการผสาน “ความหรูหราวินเทจ” กับ “เทคโนโลยีล้ำยุค” ในรถต้นแบบคันนี้จะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับดีไซน์ และเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz รุ่นต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา : Motor1

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.