MG4 Anxin Edition เริ่มส่งมอบในจีน รถ EV รุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่ Liquid-Solid State ผลิตแบบ Mass-Production
MG ภายใต้เครือ SAIC ประกาศเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ว่าได้เริ่มส่งมอบ MG4 Anxin Edition แฮตช์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่ในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่เข้าสู่การผลิตข Mass-Production ขายจริงพร้อมแบตเตอรี่แบบ Liquid-Solid State หรือที่เรารู้จักกันใน Semi-Solid State

MG4 Anxin Edition วิ่งไกลสูงสุด 530 กม./ชาร์จ (มาตราฐาน CLTC) รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 2C
ราคาและตำแหน่งทางการตลาด
MG4 รุ่นใหม่เปิดตัวครั้งแรกในงาน Chengdu Motor Show ช่วงเดือนสิงหาคม 2025 มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย โดยราคาเริ่มต้นที่ 68,800 หยวน (ประมาณ 344,000 บาท) ส่วนรุ่นท็อปสุดอย่าง Anxin Edition ราคาอยู่ที่ 102,800 หยวน (ประมาณ 514,000 บาท)

ระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ติดตั้งที่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD พละกำลังสูงสุด 120 kW (161 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ Liquid-Solid State แบบลิเธียมไอออนฐานแมงกานีส ความจุ 53.95 kWh มีปริมาณอิเล็กโทรไลต์แบบของเหลวลดลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ลิเธียมแบบทั่วไป

สมรรถนะและการชาร์จ
-
ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กม. (มาตราฐาน CLTC)
-
อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน 11.9 kWh/100 กม.
-
ชาร์จไฟจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 21 นาที ด้วยระบบชาร์จเร็ว 2C
-
ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
-
อัตราเร่ง 0–50 กม./ชม. ในเวลา 3 วินาที

มิติตัวถังและโครงสร้าง
MG4 Anxin Edition มีขนาดตัวถัง
- ยาว 4,395 x กว้าง 1,842 x สูง 1,551 มม.
- ฐานล้อยาว 2,750 มม.
- น้ำหนักรถอยู่ที่ 1,500 กก.
- ค่าความแข็งแรงการบิดตัวของโครงสร้างที่ 31,000 Nm/deg
เมื่อเทียบกับ MG4 รุ่นอื่นที่ใช้แบตเตอรี่ LFP แบบทั่วไป จะมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ประมาณ 1,415–1,485 กก.
ห้องโดยสารและพื้นที่ใช้งาน
ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8155 มาพร้อมจอมาตรวัดแบบ LCD หลังพวงมาลัยทรงสองก้านฐานตัด และคอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 471 ลิตร และสามารถขยายได้สูงสุด 1,362 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง


ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ
MG4 Anxin Edition มาพร้อมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ใช้กล้อง 5 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ประมวลผลด้วยชิป Horizon Robotics Journey J6e ให้พลังประมวลผล 80 TOPS รองรับฟังก์ชัน Highway NOA และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ

ที่มา : Carnewschina
