ใน ,

Nissan เข้าใกล้ความจริง พบวิธีผลิตแบต Solid-State ในปริมาณมาก ต้นทุนถูกลง วิ่งไกล 2 เท่า ชาร์จเร็วขึ้น

การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Nissan กับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ All-Solid-State อาจกำลังจะเห็นผล เมื่อผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ขยับเข้าใกล้การนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่แห่งอนาคตออกสู่ตลาดอีกหนึ่งก้าว โดยให้คำมั่นว่าจะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้เป็น 2 เท่า ลดเวลาในการชาร์จไฟให้สั้นลง และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของรถให้ดีขึ้น

Nissan เข้าใกล้ความจริง พบวิธีผลิตแบต Solid-State ในปริมาณมาก ต้นทุนถูกลง วิ่งไกล 2 เท่า ชาร์จเร็วขึ้น

เราอาจเคยได้ยินว่าแบตเตอรี่ All-Solid-State ถูกขนานนามว่าเป็น Holy Grail ของวงการแบตเตอรี่ EV เนื่องจากคำกล่าวอ้างที่ว่ามันสามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ถึง 2 เท่า และลดเวลาการชาร์จไฟลงได้ถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

จนถึงตอนนี้ แบตเตอรี่ Solid-State ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่น่าพอใจในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ และมีบริษัทบางแห่งเริ่มนำไปทดสอบบนท้องถนนจริงแล้วด้วย

Nissan เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์, บริษัทสตาร์ทอัพ และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย ที่กำลังแข่งขันกันเพื่อเป็นเจ้าแรกในการเปิดตัวแบตเตอรี่ All-Solid-State หลังจากที่ได้ตกลงเป็นพันธมิตรใหม่กับบริษัท LiCAP Technologies จากสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนที่แล้ว

Nissan ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นที่สำคัญในการเตรียมเปิดตัวแบตเตอรี่ All-Solid-State ในระดับการผลิตจำนวนมาก

หนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่เหล่าผู้ผลิตรถยนต์กำลังเผชิญคือ การผลิตเทคโนโลยีใหม่นี้ในปริมาณมาก โดยเฉพาะการสร้างสายการผลิตและจัดหาอุปกรณ์นั้นมีต้นทุนที่สูงมาก และกระบวนการประกอบแบตเตอรี่ก็ใช้เวลานานเกินไป

Nissan เชื่อว่าพวกเขาพบคำตอบแล้ว โดยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ LiCAP ที่ชื่อว่า Activated Dry Electrode ทำให้ Nissan สามารถใช้กระบวนการผลิตแบบ Dry Electrode ได้

เนื่องจากกระบวนการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวทำละลาย (Solvent) ในการเคลือบผิวหน้า จึงช่วยตัดขั้นตอนการอบแห้งออกไปได้เลย และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้การเคลื่อนที่ของไอออนมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

Nissan อ้างว่าตอนนี้บริษัทมีข้อได้เปรียบที่สำคัญ ทั้งในด้านกระบวนการผลิตและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ EV แบบ All-Solid-State บริษัทระบุว่าการใช้เทคโนโลยีของ LiCAP จะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างมาก โดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ตามรายงานของ Nikkei, Nissan ได้ก้าวไปอีกขั้นที่สำคัญในการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่นี้มาใช้ในเชิงพาณิชย์ หลังจากที่เซลล์แบตเตอรี่ต้นแบบ สามารถทำประสิทธิภาพได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับการผลิตในปริมาณมากแล้ว

Nissan ได้เปิดสายการผลิตนำร่องแห่งแรกสำหรับแบตเตอรี่ EV แบบ All-Solid-State ไปเมื่อเดือนมกราคม ที่โรงงาน Yokohama ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะลดต้นทุนการผลิตให้เหลือ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (ประมาณ 2,775 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของแบตเตอรี่แพ็คในปี 2024 ประมาณ 30%

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ EV แบบ All-Solid-State ภายในปีงบประมาณ 2028

ที่มา electrek

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.