แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หมด เป็นเรื่องที่ผู้ใช้ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเราหลีกเลี่ยงไม่ได้มาชมกันว่าต้องทำอย่างไร รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใข้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมด
สิ่งที่ควรทราบ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่หมด ลากจูงได้ไหม
ทั้งรถยนต์ EV และรถยนต์น้ำมันจะแจ้งเตือนผู้ขับอยู่แล้ว เมื่อพบว่าแบตเตอรี่หรือน้ำมันเหลือน้อย โดยรถยนต์น้ำมันจะแสดงเกจวัดน้ำมันคงเหลือบนหน้าจอเรือนไมล์ และแจ้งเตือนให้ทราบเมื่อน้ำมันใกล้หมด ด้วยการแสดงไอคอนรูปน้ำมันสีแดงหรืออาจจะเป็นแค่ไฟสีแดง
ที่มาภาพ optiwatt
ส่วนรถยนต์ EV ก็มีการแจ้งเตือนทั้งภาพและเสียงหลายระดับ เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเหลือน้อย และรถยนต์ EV บางรุ่นยังแสดงข้อความบนหน้าจอกลาง แนะนำให้ผู้ขับขี่ไปยังสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด ถ้าหากผู้ขับขี่ไม่สนใจต่อคำเตือนเหล่านี้ ก็อาจทำให้น้ำมันหมดหรือแบตเตอรี่รถยนต์ EV หมดได้
โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้ว่าจะมีการแสดงระยะทางโดยประมาณที่สามารถขับต่อได้ แต่บางครั้งแบตเตอรี่ก็อาจจะหมดเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากระยะทางที่ขับขี่ได้นั้นจะเป็นไปตามลักษณะการขับขี่ สภาพถนน ทางชัน อุณหภูมิรอบข้าง และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้ขับขี่ก็ต้องเผื่อระยะทางสำหรับการเตรียมหาสถานีชาร์จ
มาถึงด้านผลกระทบเมื่อรถยนต์ EV แบตเตอรี่หมดและรถยนต์สันดาปน้ำมันหมด โอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ EV นั้นน้อยกว่าการปล่อยให้รถยนต์สันดาปน้ำมันหมด เนื่องจากรถยนต์น้ำมันมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยน้ำมัน เช่น ปั๊มเชื้อเพลิง ไส้กรอง ที่อาจพังเสียหายได้ถ้าหากไม่มีน้ำมัน แต่รถยนต์ EV จะค่อย ๆ ลดความเร็วลงและดับ
ทำไมถึงควรหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ EV จนหมด
เพื่อรักษาสุขภาพของแบตเตอรี่รถ EV ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้ระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% และไม่แนะนำให้ใช้แบตเตอรี่รถ EV จนหมดเกลี้ยงถึง 0% เพราะนอกจากจะไม่ดีต่อแบตเตอรี่หลักแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่ 12V ที่ใช้ในการสตาร์ทรถและจ่ายไฟให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ด้วย
ที่มาภาพ tustincadillac
หากแบตเตอรี่ 12V หมดไปด้วย ก็อาจทำให้การเปิด – ปิดอุปกรณ์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างช่องชาร์จไฟทำได้ยากลำบาก ผลก็คือ เราจะไม่สามารถใช้งานช่องชาร์จไฟ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่หลักได้ และอาจจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ 12V ใหม่แล้ว รวมถึงการชาร์จรถยนต์ EV จาก 0% ก็ยังใช้เวลานานมากด้วย ทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น
รถยนต์ EV แบตเตอรี่หมดจะเกิดอะไรขึ้น
รถยนต์ EV ส่วนใหญ่จะส่งสัญญาณเตือนหลายครั้ง เพื่อแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว โดยทั่วไป สัญญาณเตือนเหล่านี้จะแสดงบนหน้าจออินโฟเทนเมนต์และแผงหน้าปัด รวมถึงคำเตือนเรื่องระยะทางที่เหลือน้อยก็มักจะเห็นได้ชัดเจนและบ่อยกว่าคำเตือนของรถยนต์เครื่องสันดาปเมื่อน้ำมันใกล้หมด เป็นเรื่องยากที่จะไม่สังเกตเห็นคำเตือนเหล่านี้ ดังนั้นผู้ใช้รถยนต์ EV จะต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ว่าควรจะแวะชาร์จตอนไหน จุดไหน ที่ยังพอมีระยะทางคงเหลือ
ที่มาภาพ lucidinsider
แต่หากถ้าเราปล่อยให้แบตเตอรี่หมด รถก็จะค่อย ๆ ลดความเร็วลงและดับในที่สุด ซึ่งก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด รถก็อาจจะเข้าสู่โหมดเต่า (Turtle Mode)
หากแบตเตอรี่ใกล้หมดจริง ๆ รถยนต์ EV จะเข้าสู่ “โหมดเต่า” ซึ่งเป็นโหมดพลังงานต่ำที่ใช้พลังงานน้อยที่สุดเพื่อให้รถยังคงวิ่งต่อไปได้พอที่จะไปถึงสถานีชาร์จ หรืออย่างน้อยก็สามารถจอดรถในที่ปลอดภัย เพื่อให้รถลากสามารถเข้าถึงได้
เมื่อโหมดเต่าทำงาน มักจะมีไอคอนรูปเต่าปรากฏขึ้นบนหน้าจอแสดงผล ในระหว่างที่อยู่ในโหมดเต่า รถยนต์อาจจำกัดอัตราเร่งเพื่อเก็บรักษาพลังงานไว้ให้ได้มากที่สุด โหมดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถขับรถออกจากถนนที่พลุกพล่านหรือจอดรถข้างทางได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่ไม่สามารถหาจุดชาร์จได้
อย่างไรก็ตาม ก็ขอเน้นย้ำเสมอว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ EV ควรวางแผนการเดินทางให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่โหมดเต่าและแบตเตอรี่หมด
แบตเตอรี่รถยนต์ EV หมดแล้ว จะทำอย่างไรได้บ้าง
หากรถเข้าสู่โหมดเต่าหรือดับแล้ว หากเราอยู่ใกล้สถานีชาร์จ แนะนำให้ลองเปิดและสตาร์ทรถยนต์ใหม่ดูก่อนอีกครั้ง ก่อนที่จะโทรเรียกบริการช่วยเหลือหรือรถลาก เนื่องจากรถยนต์ EV บางรุ่นอาจจะไปต่อได้อีก 2-3 กม. (แต่ไม่รับประกันว่าจะใช้ได้กับทุกรุ่น)
แต่ถ้าหากรถดับสนิทไม่สามารถไปต่อได้แล้ว ก็โทรเรียกบริการฉุกเฉิน ซึ่งบริการบางแห่งมีรถพร้อมอุปกรณ์ชาร์จเคลื่อนที่ ที่สามารถชาร์จรถยนต์ EV ในจุดที่จอดอยู่ได้ แต่บริการแบบนี้ก็ยังมีน้อยมาก
ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้บริการลากรถ สิ่งที่ต้องคำนึงเสมอคือ มอเตอร์รถยนต์ EV จะผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อล้อหมุน ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อนที่มากเกินไปจนเกิดไฟไหม้ได้ ดังนั้น ล้อของรถยนต์ EV ไม่ควรหมุนขณะถูกลาก หมายความว่า ไม่ควรลากรถยนต์ EV ด้วยเชือก (เหมือนที่เราเห็นรถยนต์น้ำมันผูกเชือกลากตามท้องถนน)
การลากรถยนต์ EV จำเป็นจะต้องใช้รถสไลด์หรือรถยก โดยให้ล้อหน้าลอยจากพื้นและล้อหลังอยู่บนรถลาก
- รถยนต์ EV บางรุ่นอาจจะต้องพิจารณาในระหว่างกระบวนการลากจูง ตัวอย่างเช่น Volkswagen ID.4 กำหนดให้ต้องมีคนนั่งอยู่ที่เบาะคนขับขณะที่รถอยู่ในเกียร์ N มิฉะนั้น รถจะเปลี่ยนกลับไปที่เกียร์ P ทำให้ลากจูงไม่ได้
- รถ EV ของ Tesla มี โหมดลากจูง ที่ทำให้ให้ล้อหมุนช้า ๆ เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถสไลด์ได้ในระยะสั้น ตัวอย่างคู่มือโหมดลากจูงสำหรับรถ Model 3
สำคัญ แนะนำว่าเจ้าของรถยนต์ EV แต่ละรุ่น ควรศึกษาคู่มือเจ้าของรถของตนเองให้ดี เพื่อทราบวิธีการและเงื่อนไขต่าง ๆ สำหรับการลากจูงหรือใช้งานอื่น ๆ
รถยนต์ EV มีการแจ้งเตือนผู้ขับขี่หลายครั้งว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมด หากเราเพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนเหล่านี้ รถ ก็จะะชะลอความเร็วลงและดับสนิทในที่สุด การเรียกรถลากเป็นทางออกที่ดี แต่ก็ต้องคำนึงถึงวิธีการลากจูงที่ถูกต้อง ดังนั้นการวางแผนการชาร์จจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ EV ต้องใส่ใจ และไม่ปล่อยให้รถยนต์ EV แบตเตอรี่หมดถ้าหากหลีกเลี่ยงได้
ที่มา jdpower