ใน , ,

เผยโฉม Alpine A290 รถ Hatchback ไฟฟ้าทรง Rally พื้นฐานจาก Renault 5 

Renualt กลับมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า Hatchback ด้วยการเปิดตัวให้แบรนด์สมรรถนะสูงอย่าง Alpine ด้วย A290 คันนี้ได้รับการออกแบบได้พื้นฐานมาจากรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Renault 5 ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของ Renault มาชมรายละเอียดคันนี้กันครับ

เผยโฉม Alpine A290 รถ Hatchback ไฟฟ้าทรง Rally พื้นฐานจาก Renault 5

ด้วยปรัชญาของ Alpine (แบรนด์สมรรถนะสูงของ Renault) ได้ออกแบบ Alpine A290 ให้มีความสปอร์ตและสมรรถนะสูงกว่า Renault 5 รถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่ง BYD Dolphin และ MG4

Alpine A290 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 1 ใน 7 คัน ตามแผนการของ Alpine คันนี้ได้มอเตอร์เดี่ยววางที่ล้อคู่หน้าขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ส่งกำลังที่ 132kW ทั้งในรุ่นเริ่มต้นและรุ่น GT Premium และรุ่น GT Performance และ GTS จะมีพละกำลังที่ 162kW

Alpine เคลมว่าโมเดลที่กำลัง 162kW จะสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.4 วินาที เมื่อทำการใช้งานระบบ Launch Control ส่วนรุ่น GT และ GT Premium ทำ 0-100 ได้ใน 7.4 วินาที

Alpine A290 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 52kWh ทำระยะที่วิ่งได้ 380 กม./ชาร์จ (มาตราฐาน WLTP) สำหรับรุ่นท็อปสุดจะได้ยางของ Michelin Pilot Sport 5

A290 มีน้ำหนักตัวหนักกว่ารถยนต์โมเดลสันดาปประมาณ 300 กก. ด้วยน้ำหนักทั้งหมดที่ 1,497 กก.

รองรับการชาร์จไว DC ที่ 100kW เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 15-80% ภายใน 30 นาที หรือหากชาร์จภายใน 15 นาทีจะได้ระยะการขับขี่ประมาณ 150 กม. (มาตราฐาน WLTP) หากชาร์จ AC จาก 10-80% จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที

Alpine สัญญาว่าจะมุ่งเน้นการพัฒนาให้รถขับขี่ได้สมรรถนะที่ครบมากกว่าเพียงแค่ทางตรง ด้วยปัจจัยด้านกลไกและเทคโนโลยีที่จะอัปเกรตให้เหนือกว่า Renault 5

ฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Alpine A290 คันนี้จะได้ซับโครงแบบ Bespoke, โครงสร้างทำจากอลูมิเนียม, ช่วงล่างด้านหลัง Multi-link พร้อมไฮดรอลิคซับแรง และชุด Anti-roll bar

A290 มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Brake-by-wire ทำงานด้วยโหมด Regenerative braking ที่หลากหลาย และได้คาลิปเปอร์เบรค 4 พอร์ตจาก Brembo

ในส่วนของเทคโนโลยีในรถ Alpine A290 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทั้ง Motorsport และ Video Game ด้วยระบบการขับขี่ 4 โหมดที่เลือกได้: Save, Normal, Sport และ Personal

โหมด Personal จะอนุญาตให้ผู้ขับปรับระดับการช่วยเหลือการควบคุมพวงมาลัยให้, การตอบสนองของคันเร่ง, ไฟ Ambient Lighting และเสียงสังเคราะห์ที่ขับออกจากระบบเสียงในรถ

โดยจะมีเสียงสังเคราะห์ให้เลือก 2 แบบ – Alternative Sound ที่จะเป็นเสียง “เหมือนความเร็วแสงออกแนวสปอร์ตออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ทุกวัน” และ Alpine Sound “เป็นเสียงที่ออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับผู้ชอบการขับขี่”

Alpine ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Formula 1 ซึ่งได้นำปุ่ม ‘Push to pass’ กดเพื่อแซงมาให้ได้ใช้งานเหมือนใน F1 ที่พวงมาลัย หลังจากการกดปุ่มระบบจะบูสต์กำลังทั้งหมดภายใน 10 วินาที และหลังจากนั้นระบบจะใช้เวลาในการคูลดาวน์ก่อนจะใช้ได้อีกครั้งภายใน 30 วินาที

นี่ไม่ใช่เพียงแค่ฟีเจอร์ Motorsport ของคันนี้เท่านั้น เพราะ A290 ยังได้นำแอป ‘Coaching’ และ ‘Challenge’ มาเพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ต้องการพัฒนาด้านการขับขี่ (มันจะช่วยสอนให้คุณแม้ในเรื่องของวิธีการดริฟต์รถอีกด้วย) และระบบหน้าจอกลางพัฒนาเพื่อให้ข้อมูลการขับขี่แบบสมรรถนะสูง เช่น การแสดงค่า G-Forces, เวลาในการทำรอบ, อุณหภูมิ และค่าแรงดันลมยาง

หากเทียบกับ Renault 5 สำหรับ A290 ถือว่าเป็นการปรับโฉมให้ภายนอกมีความสปอร์ตมากขึ้น เพราะมันมีความกว้างขึ้น ยาว และสูงขึ้นกว่า Renault ด้วยกันชนหน้าหลังแบบใหม่ ซุ้มล้อที่กว้างขึ้น สปอร์ยเลอร์ท้าย และการออกแบบชุดไฟใหม่

การออกแบบภายในของ Alpine A290 ยังได้รับกลิ่นอายจาก Alpine ไว้ พวงมาลัยแบบล่างตัด และการใช้วัสดุหนัง Nappa มาพร้อมเบาะสปอร์ต และแป้นเบรคและคันเร่งแบบอลูมิเนียมที่ให้อารมณ์ความสปอร์ตสูงสุด

สำหรับรุ่น GT Premium และ GTS จะได้เบาะ, แผงหน้าปัด และแผงประตูตกแต่งด้วยสี Deep Blue และ Eevee Grey ด้วยหนัง Nappa

คันนี้จะได้จอ 2 จอหันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ ด้วยจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว และจอหลังพวงมาลัยขนาด 10.25 นิ้ว A290 ได้ระบบเสียงจาก Devialet มาพร้อมลำโพงทั้งหมด 9 ตัว ส่งกำลังอยู่ที่ 615 วัตต์

สำหรับ Alpine A290 คาดว่าจะเริ่มส่งมอบในตลาดยุโรปภายในช่วงปีนี้ ด้วยราคาที่สูงกว่า Renault 5

ที่มา : Carexpert

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.