BMW เคยได้สร้างตำนานด้วยรถตระกูล Neue Klasse ในยุค 1960 มาก่อนที่ถือเป็นรากฐานของแบรนด์อย่างแท้จริง โดยเริ่มจาก BMW 1500 ที่เปิดตัวในปี 1962 และรุ่นดังอย่าง BMW 2002 ในปี 1969 ที่ทำให้ BMW กลายเป็นเอกลักษณ์ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ครั้งนี้ถึงเวลาของ Neue Klasse ไฟฟ้ายุคใหม่กับคันแรกอย่าง BMW iX3 มาชมรายละเอียดกันครับ
BMW iX3 ใหม่ รถ SUV ไฟฟ้ายุคใหม่ แพลตฟอร์ม Neue Klasse รถที่สำคัญที่สุดของ BMW ในรอบหลายทศวรรษ
BMW ได้เปิดตัวตระกูล Neue Klasse รุ่นใหม่ ในงาน Munich Motor Show นำทัพด้วย BMW iX3 ซึ่งแบรนด์ถือว่าเป็นหนึ่งในรถที่สำคัญที่สุดของค่ายในรอบหลาย 10 ปีก็ว่าได้
จุดเปลี่ยนสำคัญ: จาก X3 สู่วิถีไฟฟ้าเต็มตัว
BMW iX3 เป็นรถรุ่นแรกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Neue Klasse EV ที่แตกต่างจากกลยุทธ์เดิมที่ BMW จะใช้โครงสร้างเดียวกันทั้งรถเครื่องยนต์สันดาป และไฟฟ้าเหมือนใน Series 4, 5 และ 7 รุ่นปัจจุบัน ยังไงก็ตาม iX3 ก็ยังจะทำตลาดไปพร้อมกับ X3 รุ่นเครื่องยนต์เบนซินต่อไป
รุ่น iX3 50 xDrive จะมีกำลังสูงสุด 463 แรงม้า แรงบิด 645 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และระยะทางวิ่งได้ถึง 643 กิโลเมตร
เทคโนโลยีการชาร์จและแพลตฟอร์มใหม่
Neue Klasse เป็นแพลตฟอร์มแรกของ BMW ที่ใช้สถาปัตยกรรมแรงดัน 800V รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 400 kW ชาร์จ 10 นาทีจะเพิ่มระยะทางได้ถึง 370 กิโลเมตร วิ่งไกลสูงสุด 800 กม./ชาร์จ (มาตราฐาน WLTP)
ดีไซน์: เอกลักษณ์ใหม่ที่ยังคงความเป็น BMW
เมื่อเทียบกับ X3 รุ่นเครื่องยนต์ iX3 จะมีฐานล้อและความยาวตัวถังที่มากกว่าเล็กน้อย ที่เหลือจะ ๆ เล็กลงกว่า การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากต้นแบบ Neue Klasse และ Neue Klasse X รวมถึงสืบทอด DNA จากรถซีดานและคูเป้ยุค 1960
-
ด้านหน้า: กระจังหน้าหน้าไตคู่ทรงสูงเรียวคล้ายรุ่น BMW 1500 เรืองแสง สำหรับชุดแต่ง M Sport Professional พร้อมไฟหน้า DRL คู่อันเป็นเอกลักษณ์
-
ด้านข้าง: คล้าย X3 แต่เพิ่มความโค้งเว้า และโป้งล้อ
-
ด้านหลัง: ใช้ไฟท้ายกว้างขีดแนวตั้ง ไม่ใช้ดีไซน์แถบพาดยาวเหมือนกระแสรถปัจจุบัน
ภายใน และซอฟต์แวร์ระบบ “Superbrains”
ภายในถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พร้อมกับ Panoramic iDrive หน้าจอพาดยาวใต้กระจกหน้า พร้อมจอกลางแบบ 6 เหลี่ยม ทำงานกับระบบ BMW Operating System X และไม่มีปุ่ม iDrive อีกต่อไปแล้ว
BMW iX3 เป็น Software-Defined Vehicle (SDV) รุ่นแรกของค่าย ใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง 4 ชุด แทนที่ ECU แยกย่อยจำนวนมาก
-
“Heart of Joy”: ควบคุมระบบไดนามิกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง เบรก พวงมาลัย และช่วงล่าง ทำให้การขับขี่ควบคุมตัวรถทำได้แม่นยำขึ้น เพิ่มทั้งความสบาย และประสิทธิภาพของรถ
-
อีกหนึ่งชุดควบคุมระบบช่วยขับขั้นสูง มาพร้อม Adaptive Cruise Control, Lane-keep Assist และระบบ Hands-off Driving สำหรับทางหลวง ทำการแทรกแซงของผู้ขับได้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การหักพวงมาลัยหรือเบรก ระหว่างใช้ระบบขับอัจฉริยะ จะไม่ตัดระบบทันที แต่จะผสานกลับมาทำงานได้หลื่นไหล
มอเตอร์ และแบตเตอรี่รุ่นใหม่
BMW พัฒนามอเตอร์เองโดยไม่ใช้แม่เหล็กถาวร ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 40% น้ำหนักเบาลง 10% และต้นทุนผลิตถูกลง 20% ขณะที่เซลล์แบตเตอรี่ใหม่มีความหนาแน่นพลังงานเพิ่มขึ้น 20%
นอกจากนี้ iX3 ยังเป็น BMW รุ่นแรกที่มาพร้อมพอร์ตชาร์จ NACS แบบเดียวกับ Tesla รองรับการชาร์จแบบสองทิศทาง (Bi-directional charging) พร้อมอะแดปเตอร์ CCS ให้เป็นมาตรฐาน
สมรรถนะการขับขี่
-
ระบบกันสะเทือนหน้า MacPherson Strut และด้านหลังแบบ Multi-link ใหม่
-
การกระจายน้ำหนัก: หน้า 48.6% หลัง 51.4%
-
อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที
-
ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม.
- ล้อขนาดมาตรฐาน 20 นิ้ว สามารถเลือกเพิ่มขนาดได้ทั้ง 21 หรือ 22 นิ้ว พร้อมแพ็กเกจ M Sport
การผลิตและการวางจำหน่าย
BMW จะผลิต iX3 ที่โรงงานใหม่ในเมือง Debrecen ประเทศฮังการี การผลิตในสหรัฐฯ จะเริ่มไตรมาสแรกปี 2026 และเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีเดียวกัน
BMW ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดาค่ายเยอรมันในการทำตลาด EV ด้วยการใช้แพลตฟอร์มร่วมกับรถสันดาป แต่ก็มีข้อจำกัดไม่น้อย ทำให้ครั้งนี้ Neue Klasse EV Platform และการนำทัพด้วย iX3 มาเป็นรุ่นเปิดตัว BMW ตั้งเป้าสร้างการปฏิวัติให้ได้อีกครั้งเหมือนที่เคยทำได้ในยุค 1960
ที่มา : BMW