ใน , ,

BYD เปิดตัว Song Pro DM-i รุ่นใหม่ในจีน ด้วยเทคโนโลยี DM 5.0 วิ่งได้ระยะทาง 1,400 กม. ราคาเริ่มต้น 5.17 แสนบาท

BYD ได้เปิดตัว Song Pro DM-i รุ่นใหม่ ในประเทศจีน พร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด DM-i เจเนอเรชันที่ 5 วิ่งได้ระยะทาง 1,400 กม. ราคาเริ่มต้น 5.17 แสนบาท มาดูรายละเอียดกันครับ

BYD เปิดตัว Song Pro DM-i รุ่นใหม่ในจีน ด้วยเทคโนโลยี DM 5.0 วิ่งได้ระยะทาง 1,400 กม. ราคาเริ่มต้น 5.17 แสนบาท

BYD ได้เปิดตัว Song Pro DM-i รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งในการออกแบบและเทคโนโลยีใหม่ เป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัด พร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด DM-i เจเนอเรชันที่ 5 มาพร้อม 4 รุ่นย่อย โดยมีช่วงราคาระหว่าง 112,800 – 142,800 หยวน หรือประมาณ 5.17 – 6.55 แสนบาท ในเทคโนโลยี DM 5.0 รุ่นใหม่ล่าสุดของ BYD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถ และประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน BYD Song Pro DM-i จะขายภายใต้ซีรีส์ Dynasty ในขณะที่ BYD SEALION 05 DM-i จะขายภายใต้ซีรีส์ Ocean ของ BYD ซึ่ง 2 รุ่นนี้ เป็นพี่น้องกัน

มิติตัวรถ BYD Song Pro DM-i

  • ความยาว 4,735 มม.
  • ความกว้าง 1,860 มม.
  • ความสูง 1,710 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,712 มม.

 

BYD Song Pro DM-i ใช้ภาษาการออกแบบ Dragon Face ของ BYD ไฟหน้าดีไซน์เรียวบาง ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมตะแกรงรังผึ้งรูปสี่เหลี่ยมคางหมู กันชนหน้ามีรายละเอียดที่ออกแบบ เหมือนเคี้ยวมังกร ทำให้ SUV คันนี้ดูดุดันยิ่งขึ้น

จากด้านข้างยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่ขอบหน้าต่างเป็นสีดำ ล้ออัลลอย 5 ก้าน สีทูโทน ที่ออกแบบใหม่ ดูสปอร์ตขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

จากด้านหลัง ไฟท้านดีไซน์เรียวยาวเป็นชิ้นเดียว พร้อมโลโก้ “BYD” ขนาดใหญ่ ตรงกลาง แทนที่โลโก้เดิม “Build Your Dreams” การปรับเปลี่ยนโลโก้ด้านหลัง ทำให้ตัวรถดูสะอาดขึ้น และดูเรียบร้อยขึ้น

BYD Song Pro DM-i มาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด DM-i เจเนอเรชันที่ 5 ของ BYD พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 74 kW 99 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 120 kW 160 แรงม้า และแบตเตอรี่ Blade Battery (LFP) มีความจุ 12.96 kWh และ 18.31 kWh ในการชาร์จเต็ม ทำให้วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 75 กม. และ 115 กม. (CLTC) ตามลำดับ

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในช่วง 4.85 – 4.90 ลิตร/100 กม. (20.6 – 20.4 กม./ลิตร) ตามมาตรฐาน NEDC และระยะทางที่วิ่งได้ทั้งระบบ (น้ำมันเต็มถัง+ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม) สูงถึง 1,400 กม. นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน V2L กำลังไฟ 3.3 kW

ภายในห้องโดยสาร มาในโทนสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งการออกแบบจะคล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่ถูกปรับให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเน้นที่ความเรียบง่ายและการใช้งานเป็นหลัก หน้าจอสัมผัส infotainment แบบลอยตัว ที่หมุนได้ ขนาด 15.6 นิ้ว ที่ใช้ระบบความบันเทิง DiLink ของ BYD และยังมีแผงหน้าปัดดิจิทัล เพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ให้แก่ผู้ขับได้อีกด้วย

คอนโซลกลางมีปุ่มกด เพื่อให้เข้าถึงฟังก์ชันที่จำเป็นได้ง่าย ที่ล้อมรอบคันเกียร์รูปทรงคริสตัล พร้อมรองรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย กำลังไฟ 50W

 

เบาะที่นั่งคนขับ สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง และหลังคากระจกซันรูฟแบบพาโนรามา ขนาด 1.2 ตารางเมตร ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการเดินทาง

ตัวรถยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เช่น ระบบการโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะ, ระบบกรองฝุ่น PM2.5, ไฟ Ambient Light 31 สี, กุญแจรถแบบ NFC และ Smart Cloud Service ของ BYD

ตัวรถมีระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ DiPilot ระดับ 2 ที่ด้านหน้า เพื่อความปลอดภัย ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICC)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ACC)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
  • ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSD)

แม้ว่าสเปคจะใกล้เคียงกับ BYD SEALION 05 DM-i แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างในแง่ของการออกแบบภายนอกและภายใน และประสบการณ์การขับขี่จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน รุ่นนึงจะให้ความสะดวกสบายมากกว่า ในขณะที่อีกรุ่นนึงจะมีความคล่องแคล่วในการขับขี่มากกว่า

ที่มา carnewschina

ภาพประกอบบทความ autohome

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S