พาชม BYD M6 พร้อมข้อมูลและสเปคเบื้องต้น เตรียมพร้อมวางขายในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้
BYD M6 รถตู้ MPV ครอบครัว พาชมคันจริงพร้อมสเปคเบื้องต้น
รถครอบครัว MPV อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่พร้อมใช้งานในทุกๆ สถานการณ์การขับขี่
สเปค BYD M6
- รูปแบบรถ : Compact MPV 6 ที่นั่ง
- มิติตัวรถ : ยาว 4,710 x กว้าง 1,810 x สูง 1,690 มม.
- ระยะฐานล้อ : 2,800 mm
- ขนาดแบตเตอรี่ : 71.8 kWh (LFP)
- ระยะที่วิ่งได้สูงสุด : 500 กม./ชาร์จ (NEDC)
- มอเตอร์ : 1 ตัว
- ระบบขับเคลื่อน : 2WD
- พละกำลังสูงสุด : 150kW (~201 แรงม้า)
- แรงบิดสูงสุด : 310 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. : 8.6 วินาที
- ชาร์จ DC สูงสุด : 115kW
- ชาร์จ AC สูงสุด : 7kW
- ชาร์จาก 10-80% : 28 นาที
ออปชันเบื้องต้น BYD M6
- แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 CTP Blade Battery + BYD Intelligent Driving System
- หนึ่งในยานยนต์ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ตระกูลราชวงศ์ (Dynasty series) มาในรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความเรียบง่ายและทันสมัย งามสง่าด้วยสัดส่วนที่ลงตัว สัมผัสได้ถึงสุนทรียภาพทางเทคโนโลยีของพลังงานแห่งอนาคต
- ดีไซน์ช่องปรับอากาศได้แรงบันดาลใจจากเกราะกำบังบริเวณไหล่ที่เป็นหัตถกรรมอันโดดเด่นของราชวงศ์จีน และเอกลักษณ์ของ Dragon Face เสริมด้วยแถบเส้นสายโครเมียม ภายใต้รูปทรงคล้ายไม้กอล์ฟ
- ช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut จับคู่กับ Multi-Link คู่หลังช่วยยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการโดยสาร เหมาะสำหรับการใช้เป็นรถครอบครัว
- ตำแหน่งวางของภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตให้ได้สัดส่วนที่สมมาตรกัน อาทิ แท่นวางโทรศัพท์มือถือ 2 ตำแหน่ง พร้อมที่ชาร์จแบบไร้สาย ที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง และช่องเก็บของด้านข้าง
- ที่เปลี่ยนเกียร์ทรงลูกบอล สะดวกต่อการควบคุม และสัมผัสแบบโปร่งแสงที่ตกแต่งด้วยการแกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถตระกูล Dynasty
- ระบบส่งกำลังแบบ 8 in 1 ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุดที่ 310 นิวตันเมตร จับคู่กับเทคโนโลยี BYD Blade Battery ประเภท LFP ที่ให้ระยะทางการวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุดที่ 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
- มาพร้อมความปลอดภัยในด้านการต้านทานต่ออุณหภูมิสูงอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงที่ความแรงสูงสุด 115 กิโลวัตต์ โดยใช้เวลา 40 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 10%-80% และ 28 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 30%-80% รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับที่ 7 กิโลวัตต์ และรองรับระบบ VtoL
ระบบความปลอดภัย
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
- ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)
- ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)
- ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTB)
- ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
ประสบการณ์การขับขี่
ครั้งนี้ทางทีมงานได้ทดสอบขับในสนามพีระเซอร์กิต อ.พัทยา จ.ชลบุรี ทั้งเป็นผู้ขับขี่, ผู้โดยสารตอนที่ 2 และผู้โดยสารตอนที่ 3 โดยจะอธิบายแยกเป็น 3 ส่วนนะครับ
- ในฐานะผู้ขับขี่ – BYD M6 เป็นรถ Compact MPV 6 ที่นั่ง ที่สามารถใช้งานได้แบบทั่วไป ใช้งานในเมือง หรือจะเดินทางก็ยังพอไปได้ เพราะวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 500 กม./ชาร์จ (NEDC) ภายนอกตัวดูทันสมัยแล้ว แต่หน้าจอมาตรวัด ยังเป็นแบบเข็มอยู่เลย อาจดูเก่าไปนิดนึง น่าจะเปลี่ยนให้เป็นหน้าจอดิจิทัล ส่วนเรื่องการขับขี่ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก พอลองขับแบบเปลี่ยนเลนกะทันหัน ตัวรถมีอาการ Body Roll ค่อนข้างเยอะ ระบบ Traction Control จะเข้ามาช่วยแบบรวดเร็วมาก คันนี้ผมชอบระยะเบรกมาก เพราะแตะเบรกนิดเดียวแล้วเจอเลย ทำให้เราขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น แต่อาจมีปรับตัวกันนิดหน่อย แต่ผมแปลกใจว่า ทำไมเซ็ทระยะเบรกมาให้กับรถใน Segment นี้ ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ตัวรถจะไปแบบช้า ๆ ไม่กระชาก
- ในฐานะผู้โดยสารตอนที่ 2 – เบาะที่นั่งเป็นแบบแยก 2 ตัว ทำให้เข้าไปนั่งแถวที่ 3 ได้อย่างสะดวกสบาย ตัวฟองน้ำที่หุ้มเบาะไม่นุ่มมาก พอนั่งได้ เหมาะกับครอบครัวใหญ่
- ในฐานะผู้โดยสารตอนที่ 3 – เบาะที่นั่งตอนที่ 3 มาพร้อม 2 ที่นั่ง บอกได้เลยว่า ฐานเบาะรองนั่ง อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำไปนิดนึง ฐานเบาะรองนั่งก็สั้น ทำให้นั่งชันเข่านิดนึง (ทีมงานสูง 170 ซม.) พร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง ส่วนเรื่องช่วงล่าง ถ้ามีการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน ผู้โดยสารตอนที่ 3 อาจเวียนหัวได้ครับ
รอติดตามกันต่อไปว่าทาง เรเว่ จะนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเมื่อไหร่ ถ้าเร็วสุดอาจจะภายในปีนี้ หรือต้นปีหน้า และราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ หากมีข่าวสารเพิ่มเติมทางทีมงาน iMoD จะรายงานให้ทราบต่อไปครับ