ในปี 2566 นี้ รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน สามารถทำยอดขายได้สูงกว่าคู่แข่งจากแบรนด์ต่างประเทศ เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะแบรนด์ Tesla ที่ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้ารายแรกของโลก ทำให้เกิดสงครามทางราคาอย่างดุเดือดในประเทศจีน
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน กลับมาเดือด! อีกครั้งด้วยราคา หลังจาก BYD ทำยอดขายแซงผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla
วันที่ 21 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา สื่อข่าวรายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน สามารถทำยอดขายได้สูงกว่าคู่แข่งจากแบรนด์ประเทศอื่นๆ เป็นครั้งแรกในปี 2566 โดยเฉพาะแบรนด์ Tesla ที่กำลังสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนอย่างรวดเร็ว ให้กับแบรนด์คู่แข่งภายในประเทศจีน
ในปี 2565 Tesla ได้ทำการปรับลดราคารถยนต์ของตนเองลง ในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศจีนด้วย เพื่อเรียกคืนส่วนแบ่งทางการตลาดในจีน ที่มีการแข่งขันสูงมาก และเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดสงครามทางราคาในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจของผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจรถยนต์แบรนด์ BYD มากขึ้น เพราะ เป็นรุ่นใหม่และมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่ากับที่เขาได้จ่ายไป โดยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในเมืองเซินเจิ้น มียอดจำหน่ายสูงกว่า Tesla มากถึง 5 เท่าในตลาดจีน เลยทีเดียว
นายบิล รัสโซ่ ผู้ก่อตั้ง Automobility บริษัทที่ปรึกษาในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “ การตัดสินใจของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ที่ทำการลดราคาลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่พากันทำตาม ” และคาดว่าปี 2566 จะเป็นปีแรกที่แบรนด์รถยนต์ของจีนมียอดขายแซงหน้าแบรนด์ต่างประเทศ
นายหวัง ชวนฟู ประธานกรรมการของ BYD Auto กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “ คาดว่ายอดขายในช่วงไตรมาสแรกจะพเพิ่มขึ้นถึง 80% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และบรรดาคู่แข่งที่อ่อนแอกว่าจะถูกกำจัดออกจากตลาด ในปี 2565 ทางกลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 400% เป็น 16.6 พันล้านหยวน (ประมาณ 8.2 หมื่นล้านบาท) ”
ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2566 เห็นว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปีที่แล้ว มาเป็นมากกว่า 40% ในทางกลับกันยอดขายของ Tesla นั้นลดลงเล็กน้อยเหลือ 7.8% ดังนั้น ประเทศจีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มาติดตามกันว่าปี 2566 นี้ ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla จะเรียกคืนส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนได้หรือไม่ ?
ที่มา – ประชาชาติธุรกิจ