Gartner คาดการณ์! ปี 2026 ทั่วโลกจะมีรถยนต์ไฟฟ้าแตะ 116 ล้านคัน เติบโตพุ่ง 30% สวนกระแสการลดเงินอุดหนุน พร้อมจับตาเทรนด์ใหม่เมื่อผู้บริโภคเริ่มปันใจให้ PHEV มากขึ้น และ จีนยังคงครองบัลลังก์ผู้นำตลาดโลก
Gartner คาดการณ์: ปี 2026 ทั่วโลกจะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนนถึง 116 ล้านคัน
Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำ ได้เปิดเผยข้อมูลคาดการณ์ล่าสุดว่า ภายในปี 2026 จำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งนับรวมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล, รถบัส, รถตู้ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 116 ล้านคันทั่วโลก คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 30% ในขณะที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าจะเติบโตถึง 32% แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มลดมาตรการสนับสนุนลงก็ตาม โดยพี่ใหญ่อย่าง “ประเทศจีน” จะยังคงเป็นผู้นำตลาด ครองสัดส่วนยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 61% ของโลก

เจาะลึกตัวเลขการเติบโตปี 2026 Jonathan Davenport ผู้อำนวยการนักวิเคราะห์อาวุโสของ Gartner ให้ความเห็นว่า “ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการตั้งกำแพงภาษีรถนำเข้า และรัฐบาลหลายประเทศเริ่มยกเลิกเงินอุดหนุนในการซื้อรถ EV แต่จำนวนรถ EV บนท้องถนนก็ยังถูกคาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 30% ในปี 2026”
เขายังเสริมอีกว่า ในปี 2026 จีนจะมีสัดส่วนรถ EV ติดตั้งใช้งานสูงถึง 61% ของทั้งหมด และที่น่าสนใจคือยอดการครอบครองรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกคาดว่าจะสูงขึ้น 32% แบบปีต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคยังคงต้องการความอุ่นใจจากการมีเครื่องยนต์น้ำมันสำรองไว้ใช้งานในยามจำเป็น

สัดส่วนประเภทรถยนต์ไฟฟ้า (ปี 2025 – 2026) แม้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) จะยังครองสัดส่วนเกินครึ่ง แต่แนวโน้มลูกค้าเริ่มหันมามอง PHEV มากขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV):
- ปี 2025: 59.4 ล้านคัน
- ปี 2026: คาดการณ์เพิ่มเป็น 76.3 ล้านคัน
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV):
- ปี 2025: 30.0 ล้านคัน
- ปี 2026: คาดการณ์เพิ่มเป็น 39.8 ล้านคัน
รวมทั้งหมด: จาก 89.5 ล้านคัน (ปี 2025) จะเพิ่มเป็น 116.1 ล้านคัน (ปี 2026)
สถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไป ในฝั่งของ “ประเทศจีน” ความต้องการรถ EV ขยับตัวสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดทำให้ผู้ผลิตในประเทศต้องหั่นราคาลง ประกอบกับแผนการลงทุนเพิ่มสถานีชาร์จ แม้รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงเพื่อลดสงครามราคาและลดเงินอุดหนุนลง แต่ยอดส่งมอบรถก็ยังเติบโตจาก 13.4 ล้านคัน เป็น 16.5 ล้านคัน

ในทางกลับกัน ตลาด “สหรัฐอเมริกา” ความต้องการกลับชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการภาษีนำเข้าและการตัดสิทธิประโยชน์จูงใจในการซื้อ
เทรนด์เทคโนโลยี: PHEV และ Range Extender มาแรง เดิมทีมีการคาดการณ์ว่ารถ BEV จะครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ แต่ Gartner ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์สัดส่วนยอดขาย BEV ในปี 2026 จากเดิม 77% เหลือ 63% เนื่องจากคนหันไปเลือก PHEV มากขึ้น เพราะกังวลเรื่องระยะทาง ซึ่งค่ายรถใหญ่อย่าง BYD ก็ตอบรับเทรนด์นี้ด้วยการเน้นขายรุ่น PHEV มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรถอีกกลุ่มที่กำลังเติบโตคือรถที่มีระบบ Range Extender (รถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน แต่มีเครื่องยนต์น้ำมันขนาดเล็กไว้ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่) ซึ่งให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลเหมือนรถไฟฟ้าแต่ไร้ความกังวลเรื่องแบตหมด
แรงกดดันจากกฎหมาย มากกว่าความต้องการลูกค้า ปัจจัยหลักที่ค่ายรถต่างมุ่งผลิต EV ไม่ได้มาจากความต้องการของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบของรัฐบาลทั่วโลกที่กังวลเรื่องคุณภาพอากาศและภาวะโลกร้อน โดยหลายประเทศส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะแบนเครื่องยนต์สันดาป (ICE) เพื่อลดฝุ่น PM และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สุดท้ายแล้ว ตัวเลข 116 ล้านคัน อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ยุคที่รถไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของสิ่งแวดล้อมโลก น่าจับตามองว่าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างค่ายรถ และความนิยมใน PHEV ที่พุ่งสูงขึ้น หน้าตาของท้องถนนในปี 2026 จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
ที่มา mreport
