ใน , , ,

แบตเตอรี่รถ EV รุ่นใหม่ ๆ ใช้งานได้นาน 20 ปี แบตเสื่อมช้าลง

บริษัทจัดการยานพาหนะในแคนาดาอย่าง Geotab ได้มีการศึกษาใหม่ เปิดเผยว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ มีความทนทานมากขึ้นกว่าเดิม โดยอัตราการเสื่อมสภาพจะต่ำกว่าที่เคยบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ David Savage รองประธาน Geotab ได้ออกมาเผยจากการศึกษาครั้งนี้

แบตเตอรี่รถ EV รุ่นใหม่ ๆ ใช้งานได้นาน 20 ปี แบตเสื่อมช้าลง

การศึกษาระบุว่า “แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ มีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าอายุการใช้งานของตัวรถเอง ทำให้อาจจะไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่” นี่เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบในการศึกษาของ Geotab ในหัวข้อ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป

How Electric Vehicle Battery Technology Works

หากย้อนกลับไปช่วงปี 2019 Geotab การศึกษาเดิมรายงานว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพโดยเฉลี่ย 2.3% ต่อปี การศึกษาใหม่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สําคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ที่การเสื่อมสภาพใช้อัตราเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปี ถือว่าทำได้ดีขึ้นถึง 22% จากเมื่อ 5 ปีก่อน

สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ดีจะมีการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เพียง 1% ต่อปีเท่านั้น การค้นพบเหล่านี้อิงจากข้อมูล Telematics ที่ติดกับตัวรถคำนวนประมาณ 1.5 ล้านวัน จากรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวประมาณ 5,000 คัน ทำให้การศึกษานี้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด

ด้วยอัตราการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ต่อปีที่ 1.8% หมายความว่าหลังจาก 20 ปี แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะคงความจุ (SOH %) ประมาณ 64% ตัวอย่างเช่น Tesla Model Y Long Range AWD ซึ่งเริ่มต้นด้วยระยะวิ่งได้สูงสุด 515 กม./ชาร์จ จะยังคงมีระยะประมาณ 330 กม./ชาร์จ หลังจากผ่านไป 20 ปี ถือว่าเพียงพอสําหรับการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางระยะสั้น

2021 - 2023 TESLA MODEL Y PERFORMANCE BATTERY PACK MODULE OEM | eBay

แบตเตอรี่ Tesla Model Y

เรื่องที่น่าสนใจในการศึกษานี้คือ Geotab พบว่าการใช้งานหนักไม่ได้นําไปสู่การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น หมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถรักษาสภาพแบตเตอรี่ได้เมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าจะถูกขับบ่อยมากก็ตาม นอกจากนี้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ยังเสื่อมสภาพในอัตราที่ช้ากว่าส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนของรถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเหล่าเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า

ในระหว่างช่วงการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่จะส่งผลกระทบต่อระยะที่วิ่งได้ของรถ แต่ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเส้นตรง เพราะรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ส่วนใหญ่มาพร้อมกับบัฟเฟอร์ป้องกันที่ช่วยลดผลกระทบของการเสื่อมสภาพ โดยบัฟเฟอร์เหล่านี้มีอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ของสถานะการชาร์จของแบตเตอรี่ มันจะหดตัวเมื่อเวลาผ่านไป และค่อย ๆ ใช้ส่วนที่ไม่ได้ใช้ของแบตเตอรี่เพื่อชดเชยการสูญเสียระยะทาง เมื่อบัฟเฟอร์เหล่านี้ถูกใช้จนหมด เจ้าของรถอาจเริ่มสังเกตเห็นระยะทางที่ลดลง

ev-battery-protection-buffers

ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่มีความจุแบตเตอรี่เดิม 60 kWh ก็จะทำงานเหมือนแบตเตอรี่ความจุ 54kWh หลังจากผ่านไป 10 ปี หากมีค่าการเสื่อมสภาพที่ 1% ต่อปี

อุณหภูมิมีผลต่อ SOH ของแบตเตอรี่

อีกหนึ่งปัจจัยที่สําคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของแบตเตอรี่คือเรื่องของอุณหภูมิ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีชุดแบตเตอรี่ระบายความร้อนแบบ Active เช่น Tesla Model S ปี 2015 มีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพช้ากว่า (2.3% ต่อปี) เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบ Passive เช่น Nissan Leaf ปี 2015 ซึ่งเสื่อมสภาพในอัตรา 4.2% Geotab แนะนําให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจอดรถในที่ร่มหากมีโอกาส และทำควรชาร์จในระหว่าง 20-80% เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนาน แม้ว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การปฏิบัติง่าย ๆ สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้

ev-battery-soh-vs-time-climate-updated

การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าการชาร์จเร็ว DC ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแบตเตอรี่มากอย่างที่เราคิด แม้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่ LFP (ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต) อย่างต่อเนื่องให้เต็มจน 100% อาจทําให้เซลล์เสียหายได้มากกว่า

สรุปการศึกษานี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ทําให้ผู้บริโภคมั่นใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ากําลังกลายเป็นสิ่งทดแทนที่คุ้มค่า และเชื่อถือได้มากขึ้นไม่น้อยหน้ารถยนต์สัปดานในปัจจุบัน

ที่มา : Geotab และ Insideevs

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.