เปิดตัว Mercedes-Benz CLA Shooting Brake เอสเตทไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิกลายดาวสุดหรู เปิดดตัวจริงมีนาคม 2026
ใน , , ,

เปิดตัว Mercedes-Benz CLA Shooting Brake เอสเตทไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิกลายดาวสุดหรู เปิดดตัวจริงมีนาคม 2026

หลังจากปล่อย CLA ไฟฟ้าไป ล่าสุด Mercedes-Benz ได้เผยโฉมรุ่นใหม่ล่าสุด Mercedes-Benz CLA Shooting Brake ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์สายครอบครัว และยังอเนกประสงค์ มาชมรายละเอียดคันนี้กันครับ

เปิดตัว Mercedes-Benz CLA Shooting Brake เอสเตทไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิกลายดาวสุดหรู เปิดดตัวจริงมีนาคม 2026

โดยทาง Mercedes-Benz ได้ยกให้รถคันนี้เป็นรถยนต์ ‘Estate’ ไฟฟ้าคันแรกของค่าย แม้ในทางเทคนิคแล้วรูปทรง Shooting Brake จะแตกต่างจากเอสเตทก็ตาม แต่ก็ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ที่น่าจับตามองไม่น้อย แบรนด์มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2026

ขุมพลังไฟฟ้า และสมรรถนะ

ในช่วงเปิดตัว จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ซึ่งทั้ง 2 รุ่นใช้แบตเตอรี่ขนาด 85kWh เหมือนกัน

  • CLA 250+: รุ่นมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 268 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร สามารถทำระยะทางวิ่งได้สูงสุดถึง 761 กม./ชาร์จ

  • CLA 350+ 4MATIC: รุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทรงพลังกว่า ให้กำลัง 349 แรงม้า แรงบิด 515 นิวตันเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุดลดลงเล็กน้อยที่ 730 กม./ชาร์จ

สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. รุ่น 250+ จะใช้เวลา 6.8 วินาที ส่วนรุ่น 350+ จะทำเวลาได้ที่ 5 วินาทีถ้วน โดยทั้ง 2 รุ่นมีความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 209 กม./ชม.

เทคโนโลยีการชาร์จและระบบส่งกำลัง

CLA Shooting Brake คันนี้ใช้สถาปัตยกรรมแรงดันแบตเตอรี่ 800V รองรับการชาร์จไว (DC) ได้สูงสุดถึง 320kW หมายความว่าคุณสามารถชาร์จไฟเพียง 10 นาที จะวิ่งได้ไกลประมาณ 305 กิโลเมตร นับว่าใกล้เคียงกับการแวะเติมน้ำมันเลยครับ

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์ 2 สปีดใหม่ของ Mercedes-Benz โดยเกียร์แรกจะถูกใช้สำหรับอัตราเร่ง และเกียร์ที่ 2 จะใช้เพื่อการส่งกำลังที่นุ่มนวลให้ความต่อเนื่องในย่านความเร็วสูง

ดีไซน์ภายนอกและมิติตัวถัง

ดีไซน์โดยรวมของรุ่น Shooting Brake ยังคงคล้ายกับรุ่นซีดานที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ทั้งด้านหน้าทรงจมูกฉลาม (Shark-nose), กระจังหน้าลายดาว 142 ดวง และไฟหน้าแบบ Multibeam LED จุดแตกต่างที่สำคัญคือแนวหลังคาที่ถูกขยายให้ยาวขึ้น มีความลาดชันที่นุ่มนวลกว่า และหลังคากระจกพาโนรามิกที่ยาวขึ้นไปอีก

ด้วยเหตุนี้ มิติตัวถังโดยรวมจึงใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาวเพิ่มขึ้น 35 มม. สูงขึ้น 27 มม. และมีระยะฐานล้อกว้างขึ้น 61 มม. ส่งผลให้มีพื้นที่ภายในสำหรับผู้โดยสารและสัมภาระมากขึ้น โดยมีความจุถึง 455 ลิตรเมื่อเบาะหลังยังไม่พับ และเพิ่มเป็น 1,290 ลิตรเมื่อพับเบาะลง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของใต้ฝากระโปรงหน้า (Frunk) เพิ่มอีก 101 ลิตร และราวหลังคาที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม

ความหรูหราและเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร

หลังคาพาโนรามิกไม่ได้เป็นเพียงกระจกธรรมดา แต่ยังประดับด้วยลายดาวเรืองแสง และใช้กระจกนิรภัยแบบลามิเนตที่สามารถป้องกันรังสีจากแดดได้ ภายในห้องโดยสาร ลูกค้าสามารถเลือกเบาะหนังได้ทั้งสีเบจ สีดำ หรือสีน้ำตาล ในขณะที่วัสดุตกแต่งมีให้เลือกทั้งสีแอนทราไซต์, อะลูมิเนียมขัดเงา, คาร์บอนไฟเบอร์ หรือลายไม้

จุดเด่นสำคัญคือหน้าจอ MBUX Superscreen หน้าจอสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 14 นิ้ว นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหน้าจอขนาด 14 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็นออปชันเสริมได้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งภาพยนต์ และเล่นเกมต่าง ๆ ได้

หน้าจอเหล่านี้จะทำงานด้วยระบบปฏิบัติการรุ่นที่ 4 ล่าสุดของ Mercedes-Benz ซึ่งเชื่อมต่อกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ผ่านคลาวด์ รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) อย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยระบบผู้ช่วยเสมือนอย่าง (Virtual Assistant) ที่สามารถรับคำสั่ง และตอบสนองต่อ “อารมณ์” ของผู้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม

รุ่นย่อยอื่นๆ ในอนาคต

นอกเหนือจากรุ่นไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ คาดว่า Mercedes-Benz จะประกาศเปิดตัว CLA และ CLA Shooting Brake รุ่นย่อยอื่น ๆ เพิ่มเติมในปีหน้า ซึ่งรวมถึงรุ่นไฮบริด แม้รายละเอียดยังมีไม่มากนัก แต่เป็นที่ทราบกันว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ 48V และเกียร์ DCT 8 สปีด โดยสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 100 กม./ชม.

ที่มา : Topgear

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.