ในช่วงนี้ที่เป็นช่วงฤดูฝนของประเทศไทย มีฝนตกหนักและน้ำท่วมบ่อยครั้งในหลายจังหวัด ดังนั้นผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะควรจะทำความเข้าใจทั้งด้านความปลอดภัย การขับขี่ในสภาวะน้ำท่วม การบำรุงรักษาหลังประสบน้ำท่วม สิ่งที่ต้องทำในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงข้อมูลประกันภัยสำหรับน้ำท่วม
สิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรทราบ เมื่อต้องเผชิญน้ำท่วม ขับลุยได้หรือไม่?
ถึงแม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ออกแบบให้รถมีการป้องกันน้ำเข้า โดยส่วนของแบตเตอรี่ได้มีการปิดผนึกที่สามารถกันน้ำได้กันน้ำ เพื่อป้องกันการทำงานผิดปกติของระบบไฟฟ้าภายใน แต่การกันน้ำของแบตเตอรี่ก็มีขีดจำกัด รวมถึงส่วนอื่น ๆ ภายในรถก็อาจจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย เรามาชมสิ่งที่ควรทราบกัน เพื่อป้องกันและแก้ไขหลังจากที่ต้องพบกับสภาวะน้ำท่วม
สิ่งที่ควรคำนึงด้านความปลอดภัยและความเสียหาย เมื่อพบสภาวะน้ำท่วม
ด้านความปลอดภัย
- อันตรายจากไฟฟ้า: น้ำอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรในระบบไฟฟ้าภายในรถได้
- ความเสียหายของแบตเตอรี่: น้ำท่วม อาจทำให้แบตเตอรี่และส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ เสียหายได้
- การสูญเสียการควบคุม: การขับรถผ่านน้ำท่วมหรือมีน้ำไหลเชี่ยว อาจะทำให้ล้อไม่สัมผัสกับพื้นถนน ทำให้รถเสียการควบคุม
ความเสียหายที่อาจะเกิดขึ้นหลังจากรถโดนน้ำท่วม
- น้ำซึมผ่านซีลและปะเก็น ทำให้เกิดการกัดกร่อนและความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า
- ความเสียหายเมื่อน้ำซึมผ่านแบตเตอรี่ อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรือถึงขั้นไฟไหม้ได้
- การซ่อมแซมมีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อรถยนต์เสียหายจากน้ำ รวมถึงใช้ระยะเวลาซ่อมนาน
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องขับรถยนต์ไฟฟ้าในสภาวะน้ำท่วม
การขับรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำท่วมต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แต่ถ้าหากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมได้ ลองอ่านข้อปฏิบัติในการขับรถผ่านน้ำท่วมดังนี้
1. ขับรถช้า ๆ ลดความเร็วลง จะช่วยลดน้ำกระเซ็นใส่ชิ้นส่วนบางอย่างภายในรถได้ และการความรถช้า ๆ ยังช่วยให้เราควบคุมรถผ่านบริเวณน้ำท่วมได้ดีกว่าการขับเร็ว
2. ควรเว้นระยะห่างระหว่างรถของเราและรถคันอื่นมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการชน โดยเฉพาะเวลาที่รถคันหน้าเบรคกระทันหัน การเว้นระยะห่างจะช่วยไม่ให้เกิดการชนท้าย และยังช่วยไม่ให้น้ำจากด้านหน้าไหลเข้ามาในรถเราอีกด้วย
3. หลีกเลี่ยงระดับน้ำที่สูง ถ้าเราเห็นแล้วว่าทางข้างหน้ามีระดับน้ำสูง ซึ่งสูงกว่าใต้ท้องรถหรือสูงกว่าระดับแบตเตอรี่ด้านล่างของรถ ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะไม่ขับผ่าน ควรเลี่ยงไปยังเส้นทางอื่น เนื่องจากระดับน้ำที่เกินขีดจำกัดการออกแบบการกันน้ำของแบตเตอรี่นั้นอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายร้ายแรงได้
4. ควรปิดเครื่องปรับอากาศและระบบไฟฟ้าในรถที่ไม่จำเป็นเมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วม เพื่อช่วยลดการใช้ไฟฟ้าภายในรถ
การบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า หลังประสบน้ำท่วม
1. ตรวจสอบชุดแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยความเสียหายหรือไม่ หลังจากที่รถโดนน้ำท่วมหรือขับลุยน้ำระดับสูงมา โดยมองหารอยแตกร้าว การกัดกร่อน หรือร่องรอยที่น้ำซึมเข้าไปยังตัวแบตเตอรี่ หากพบว่ามีร่องรอยความเสียหาย แนะนำให้เข้าศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าหรือผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองเช็คทันที
2. ตรวจสอบส่วนประกอบไฟฟ้าและการเชื่อมต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เปียก เนื่องจากการที่น้ำเข้าในส่วนประกอบไฟฟ้าต่าง ๆ นั้นอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือการกัดกร่อนได้ ควรเช็คขั้วต่อ สายไฟ และฟิวส์ต่าง ๆ หากพบความชื้น แนะนำให้เช็ดบริเวณเหล่านี้ให้แห้งสนิทและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
3. ทำให้ภายในรถ เบาะ และพรมแห้งสนิท กำจัดความชื้นออกให้เรียบร้อย ใช้เครื่องดูดน้ำสำหรับซักเบาะดูดเอาความชื้นออกให้หมด หรืออาจจะใช้ลมช่วยเป่าเพื่อเร่งให้แห้งเร็วขึ้น เนื่องจากถ้าหากเราปล่อยให้ภายในรถชื้นนาน อาจจะเกิดเชื้อรา ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและความสบาย
4. ทดสอบระบบการชาร์จ ก่อนที่จะเริ่มชาร์จรถ แนะนำให้ทดสอบระบบการชาร์จก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบชาร์จไม่เสียหายจากการโดนน้ำ
โดยเริ่มทำการตรวจสอบพอร์ตชาร์จและสายไฟที่เกี่ยวข้องว่ามีความเสียหายจากน้ำหรือไม่ และลองเสียบปลั๊กเข้ากับเครื่องชาร์จที่ใช้งานได้ หากพบความผิดปกติ ชาร์จไม่เข้า ควรแจ้งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบปัญหาทันที หรือถ้าไม่มั่นใจก็ควรนำรถไปเช็คกับศูนย์บริการก่อน
5. ตรวจสอบประสิทธิภาพและระยะทางของรถ โดยลองขับขี่และสังเกตดูว่าระยะทางลดลงเร็วผิดปกติหรือไม่ หรือประสิทธิภาพการใช้งานปกติดีหรือไม่ รวมถึงคอยสังเกตไฟบนแผงหน้าปัดหรือการแจ้งเตือนบนหน้าจอว่ามีการรายงานสิ่งผิดปกติหรือไม่
6. เข้ารับบริการเช็คระยะเป็นประจำตามกำหนดการณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่รถโดนน้ำท่วม ควรนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการให้ละเอียด การที่เรานำรถเข้าเช็คบ่อยครั้งจะช่วยให้ให้เราพบปัญหาและสามารถแก้ไขได้ในระยะเริ่มต้น
7. ศึกษาคู่มือและคำแนะนำของผู้ผลิตอยู่เสมอ เนื่องจากคำแนะนำเหล่านี้มีขั้นตอนการบำรุงรักษารถ เช่น Tesla และ Nissan ที่มีคำแนะนำที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งทำให้เรานำไปใช้ในการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้าของเราได้ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์
การทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะประกันภัยที่มีการคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วมด้วย ก่อนที่เราจะซื้อประกัน เราควรตรวจสอบความคุ้มครองว่าครอบคลุมเรื่องไหนบ้าง แนะนำการพิจารณาและการปฏิบัติ ดังนี้
1. เลือกประกันที่คุ้มครองแบบครอบคลุม
ถ้าหากว่าเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัยหรือมีความกังวลในเรื่องนี้ ก็ควรเลือกแผนที่ครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วม ครอบคลุมระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบภายในที่ได้รับผลกระทบจากน้ำซึมผ่าน
2. กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าของเราเกิดความเสียหายจากน้ำท่วม ให้จัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับตัวรถและกรมธรรม์ รวมถึงเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของรถ พร้อมรูปถ่าย และให้รายงานความเสียหายทันที เพื่อเร่งการอนุมัติการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ให้นำรถไปซ่อมหรือคืนทุนประกันได้เร็วขึ้น
3. เบี้ยประกันและค่าใช้จ่าย
แน่นอนว่าประกันภัยที่ครอบคลุมถึงภัยธรรมชาติจะมีราคาสูงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การมีประกันที่ครอบคลุมก็สบายใจกว่า
4. เงื่อนไขกรมธรรม์
แนะนำให้อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขประกันอย่างละเอียด เนื่องจากบางกรมธรรม์อาจยกเว้นความเสียหายจากน้ำบางประเภท หรือมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการขับรถในพื้นที่ที่ทราบว่ามีน้ำท่วม ดังนั้นก่อนที่จะซื้อประกันก็ควรอ่านและศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน
5. ความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ควรตรวสจอบให้แน่ใจว่ากรมธรรม์ที่เราจะซื้อนั้น ครอบคลุมถึงความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงน้ำท่วม ซึ่งถ้าหากเราได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรวดเร็วและถูกวิธี ก็จะช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมและเวลาการซ่อมได้มาก
สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดน้ำท่วมรถยนต์ไฟฟ้าแบบฉุกเฉิน
1. อพยพทันที เราควรให้ความสำคัญกับชีวิตของเราเป็นอันดับแรก เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน เราควรนำตัวเองออกจากรถโดยเร็วที่สุด
2. โทรขอความช่วยเหลือ โทรติดต่อบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทันที เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมหรืออันตราย ดังนั้นควรมีเบอร์ฉุกเฉินติดตัวไว้อยู่เสมอ
3. ถ้าสามารถถ่ายรูปรถได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้ถ่ายรูปความเสียหายที่เกิดกับรถไว้ เพื่อเป็นหลักฐานในการขอรับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรทราบ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม แต่สิ่งสำคัญคือ เราควรติดตามข่าวและประกาศจากอุตุนิยมวิทยาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงมรสุม มีพายุ ฝนตกหนัก ถ้าหากมีประกาศให้เตรียมตัวหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เราก็ควรจะย้ายรถยนต์ไฟฟ้าไปยังที่ปลอดภัยทันที และหลังจากที่รถโดนน้ำท่วมแล้ว การติดต่อประกันภัยและศูนย์บริการเป็นสิ่งที่เราต้องทำทันที เพื่อตรวจสอบรถโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างเร็วที่สุด
ที่มา thethaiger