หลัง ๆ มาวงการยานยนต์เริ่มพยายามทำให้ให้รถยนต์มีความรู้สึกเหมือนสมาร์ทโฟนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยการยกเลิกการใช้ปุ่มกดแบบอนาล็อก แทนด้วยหน้าจอสัมผัส และปุ่มแบบ Capacitive touch แต่ผู้บริโภคกลับตอบรับในทิศทางตรงกันข้าม
Volkswagen โดนฟ้องปุ่มสัมผัสบนพวงมาลัยไวเกิน ร้องเรียนเพราะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
ล่าสุด Volkswagen ต้องเผชิญกับคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม (Class Action Lawsuit) หลังมีการร้องเรียนต่อ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) เกี่ยวกับปุ่มสัมผัสบนพวงมาลัย ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ รวมถึงอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ประเด็นหลักของการฟ้องร้อง
-
คดีเน้นมุ่งเป้าไปที่ปุ่มสัมผัสบนพวงมาลัยของรถตระกูล ID.4, ID.Buzz และรุ่นอื่นอย่าง Golf
-
แบรนด์โดนกล่าวหาว่าปุ่มมีความไวเกินไป ทำให้ผู้ขับเพียงแค่เผลอแตะเบา ๆ ก็ทำงานโดยไม่ตั้งใจได้
-
ปัญหานี้มีโอกาสเกิดขึ้นตอนหมุนพวงมาลัย ถ้าเทียบให้ภาพคือเหมือนเราเผลอ “พลาดกดโทรศัพท์” แต่ผลลัพธ์อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หนึ่งในฟังก์ชันที่สามารถถูกเปิดใช้งานได้คือ Adaptive Cruise Control (ACC) การเปิดระบบนี้ทำให้การเร่งรถสามารถความเร็วเองได้โดยไม่ตั้งใจ จนทำให้ Volkswagen โดนกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต
ข้อกังขาต่อระบบความปลอดภัยของ IQ.Drive
-
คำฟ้องยังตั้งข้อสังเกตว่าระบบเบรกไม่สามารถยกเลิก ACC ได้ในบางสถานการณ์
-
ระบบเบรกฉุกเฉิน (Emergency Braking) ไม่ทำงานในสถานการณ์ที่ควรทำ
-
ถุงลมนิรภัยบางครั้งไม่ทำงานเมื่อเกิดเหตุชน
ผู้ใช้จำนวนมากได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ NHTSA เกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะในรุ่น ID.4
เสียงสะท้อนจากผู้ใช้และสื่อ
สื่อ InsideEVs เคยทดสอบการขับรถที่มีปุ่มแบบ Capacitive และระบุว่าเป็นฟังก์ชันที่ “น่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง” ขณะขับ Volkswagen ID.4 เจ้าของรถบางคนถึงขั้นเปลี่ยนอะไหล่ใหม่เป็นปุ่มปกติจากรุ่นอื่นแทน
Volkswagen ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด
ผู้บริหารระดับสูงของ Volkswagen เองยังยอมรับว่าการใช้ปุ่มสัมผัสเป็น “ความผิดพลาด” โดย Andreas Mindt หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแบรนด์ ระบุว่าจะนำปุ่มกดแบบปกติ (Physical Buttons) กลับมา หลังเสียงสะท้อนจากลูกค้าชี้ชัดว่าปุ่มสัมผัสไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
Mindt ทิ้งท้ายว่า “นี่คือรถ ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ” ลูกค้าหลายคนยังต้องการปุ่มกดจริงที่ให้ความมั่นใจเมื่อกด พร้อมแรงตอบสนองที่ชัดเจน แตกต่างจากการแตะพลาดที่อาจทำให้รถทำงานผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจ
บทเรียนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
การผสานเทคโนโลยีเข้ากับรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการนำไปใช้อย่างเหมาะสม และปลอดภัย ผู้ผลิตควรคิดให้รอบคอบก่อนเปลี่ยนรถยนต์ให้กลายเป็น “สมาร์ทโฟนติดล้อ” เพราะผู้ขับบางคนต้องการความสะดวกทันสมัย ขณะที่อีกหลายคนยังต้องการความมั่นใจจากปุ่มกดจริงที่คุ้นเคย
ที่มา : Insideevs