ถอดรหัสทำไม BMW คิดว่าการแชร์แพลตฟอร์มจากรุ่นสันดาปให้กับรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทางแบรนด์ แม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัว BMW Vision Neue Klasse X รถต้นแบบของ SUV ไฟฟ้ายุคใหม่ออกมากก็ตาม เรามารวมหาคำตอบกันครับ
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW นำแพลตฟอร์มจากรุ่นสันดาปแชร์ให้กันถือเป็นคำตอบที่ดีสำหรับลูกค้า
ผู้ผลิตแบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติเยอรมันอย่าง BMW ประกาศยอดขายในช่วงปี 2023 สามารถทำยอดส่งมอบรถทั่วโลกเพิ่มได้ที่ 6.4% ประมาณ 2,554,000 ล้านคัน ยอดขายเพิ่มที่ 9% ประมาณ 155.5 ล้านยูโร (ประมาณ 6.1 พันล้านบาท) กำไรของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ 9.8% ทาง BMW ได้กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้าทำยอดเพิ่มได้ 74.2% ประมาณ 375,000 คันทั่วโลก
ด้วยความสำเร็วในการขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW แต่ด้วยความต้องการที่น้อยลง Frank Weber ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลกของบริษัทและสมาชิกคณะกรรมการ บอกกับ Yahoo Finance ในการบรรยายสรุปกับผู้สื่อข่าวว่า ท่ามกลางความต้องการในรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลงในภาคส่วนนี้ อาจเป็นผลจำเป็นให้แบรนด์ต้องใช้กลยุทธ์ขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Two-pronged strategy (ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลง เช่น ลดราคาด้วยเงินอุดหนุนภาครัฐ)
BMW ได้ปล่อยรถยนต์ใหม่ ๆ ออกมาอย่าง BMW ซีรีส์ 7 ที่ผลิตทั้งรุ่นสันดาปและไฟฟ้าล้วน ทั้งสองถือว่าหน้าตาเหมือนกันอาจจะแยกออกได้ยาก แต่กลับกันที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันพยายามทำรถยนต์ไฟฟ้าให้แตกต่างจากรถยนต์สันดาปไปเลยนั้นเอง
“ตอนผมไปที่ตัวแทนจําหน่ายของเรา ผมกําลังถามพวกเขาว่า ‘เป็นข้อดีหรือข้อเสียที่เรานําเสนอนรถรุ่นเดียวกันที่มีระบบส่ง (ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันและไฟฟ้า) ที่แตกต่างกันหรือไม่’” Frank กล่าวไว้
Frank กล่าวอีกว่า “สำหรับเรา มันถือว่าเป็นคีย์สำคัญที่จะหารถยนต์แบบที่เหมาะกับลูกค้าจริง ๆ และผมคิดลูกจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าซีรีส์ 7 ก็คือซีรีส์ 7 นั้นเอง”
พร้อมเสริมว่าโครงสร้างแบบนี้จะทำให้ลูกค้าเลิกรถยนต์ที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เขายกตัวอย่างของลูกค้าชาวยุโรปที่คิดว่าเขาต้องการรถยนต์ไฟฟ้า แต่ลงเอยด้วยการซื้อรถดีเซลแทน เพราะมันเติมเต็มความต้องการของเขาได้ดีกว่า อาจเป็นเพราะเขาต้องการระยะที่มากขึ้นหรือไม่สามารถเข้าถึงค่าใช้จ่ายได้
ความหลากหลายในตัวเลือกระบบส่งกําลังนั้นน่าจะช่วยเติมเชื้อเพลิงให้กับความสําเร็จของ BEV ในช่วงต้นปี 2024 ในช่วงสองเดือนแรกของปี BMW รายงานว่ายอดขาย BEV เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเติบโตนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่เป็นสัดส่วนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งยอดขาย BEV ของ BMW เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การเติบโตของยอดขายในยุโรปและจีนสําหรับรุ่น BEV ยังโพสต์ “การเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักที่สําคัญ” BMW กล่าว
BMW X5 xDrive50e Plug-In Hybrid
Frank ยังโน้มน้าวความสําเร็จของ BMW ด้วย plug-in hybrids ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกระบบส่งกําลังสําหรับลูกค้า Frank กล่าวว่า BMW เป็นอันดับ 1 ในการขายปลั๊กอินไฮบริดในกลุ่มระดับพรีเมียม โดยมียอดขายประมาณ 1.1 ล้านเครื่องทั่วโลก นอกจากนี้ BMW X5 xDrive50e Plug-In Hybrid SUV ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของ Consumer Reports ในสหรัฐอเมริกา
BMW Vision Neue Klasse X แนวทาง SUV ใหม่ ๆ ของ BMW
BMW ยังเปิดเผยภาพรวมของอนาคตไฟฟ้าของ SUV เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2024 ด้วย BMW Vision Neue Klasse X แนวคิดซึ่งจะคล้ายกับรุ่นจริงที่ออกมาในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยอิงจากแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ใช้นามว่า Neue Klasse ซึ่งจะแยกออกจากกลยุทธ์แพลตฟอร์มคู่ (สันดาปและไฟฟ้า) ในปัจจุบัน
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่นี้จะอยู่บนแพลตฟอร์มที่แยกจากกันจากรุ่นสันดาปโดยสิ้นเชิง แต่ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี เช่น อินโฟเทนเมนท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะยังคงถูกแชร์กับทั้งไฟฟ้าและรุ่นสันดาป เนื่องจากช่วยลดต้นทุนและรักษาความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์ Frank ยอมรับว่าสิ่งนี้ทําได้ง่ายกว่ากับแบรนด์ต่าง ๆ เช่น BMW ซึ่งปริมาณการขายในตลาดไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล
แม้ว่ายอดขาย EV ในตลาดโดยรวมจะเริ่มลดลง แต่ Frank ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของ รถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงเป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเข้าสู่กระแสหลัก
“เมื่อคุณมองย้อนกลับไปในช่วงสามปีที่ผ่านมา เราไม่มีอัตราการเติบโตในด้านรถยนต์ไฟฟ้าเลย ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าเราจะละทิ้งเทคโนโลยีนี้ หรือผู้บริโภคจะบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แต่มันเป็นเพียงเส้นทางการเติบโตที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของ BMW มาก” เขากล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : Yahoo! Finance