BYD เปิดตัว Fang Cheng Bao Tai 7 รถ SUV ปลั๊กอินไฮบริด ระยะทางสูงสุด 1,300 กม. ราคาเริ่มต้น 25,200 USD (ประมาณ 923,000 บาท)
BYD ได้เปิดตัว Fang Cheng Bao Tai 7 รถ SUV Plug-in Hybrid สายออฟโรด พร้อมเริ่มส่งมอบแล้วในจีน มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ดังนี้
-
135KM RWD Pro : 179,800 หยวน (25,200 USD / ประมาณ 923,000 บาท)
-
200KM RWD Max : 189,800 หยวน (26,600 USD / ประมาณ 974,000 บาท)
-
190KM AWD Max : 206,800 หยวน (29,000 USD / ประมาณ 1,062,000 บาท)
-
190KM AWD Ultra : 219,800 หยวน (30,800 USD / ประมาณ 1,129,000 บาท)
ลูกค้าสามารถเลือกสีตัวถังได้ 7 สี ได้แก่ เขียว 2 เฉด, เงิน, ทอง, น้ำเงิน, ดำ และเทา
มิติและโครงสร้างตัวรถ
- ยาว 4,999 x กว้าง 1,995 x สูง 1,865 มม.
- ฐานล้อยาว 2,920 มม.
- มุมไต่ 24° มุมจาก 25° และสามารถลุยน้ำสูงสุด 600 มม.
ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ และด้านหลัง Five-link พร้อมระบบ DiSus-C Intelligent Body Control System และ TSC (Tire Stability Control) สามารถช่วยควบคุมเสถียรภาพเมื่อยางแตกได้ โดยยกเพลาล้อที่เสียหายขึ้นเพื่อให้ล้ออื่น ๆ ยังขับต่อไปได้ สามารถวิ่งต่อที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ไกลสุดถึง 30 กม.
ห้องโดยสารรองรับ 5 ที่นั่ง พื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,880 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 2 ลง และยังมีช่องเก็บของถึง 45 จุดทั่วห้องโดยสาร
ขุมพลัง Plug-in Hybrid
ระบบขับเคลื่อนของ Tai 7 ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5T กำลังสูงสุด 115 kW (154 แรงม้า) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
-
รุ่น RWD : มอเตอร์ไฟฟ้า 200 kW (268 แรงม้า) พร้อมแบตเตอรี่ Blade (LFP) ขนาด 26.6 kWh และ 35.6 kWh ให้ระยะทางวิ่งไฟฟ้าล้วน 135 กม. และ 200 กม. (มาตราฐาน CLTC)
-
รุ่น AWD : เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 160 kW (215 แรงม้า) ใช้แบตเตอรี่ Blade 35.6 kWh ระยะทางไฟฟ้าล้วน 190 กม. (มาตราฐาน CLTC)
ระยะทางรวมได้สูงสุด 1,300 กม. อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 4.9 ลิตรต่อ 100 กม. (มาตราฐาน NEDC)
เทคโนโลยี และระบบขับขี่อัจฉริยะ
รุ่นท็อป AWD Ultra มาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ “God’s Eye” B (DiPilot 300) ติดตั้ง Lidar บนหลังคา ชิป Nvidia Orin-X รองรับฟังก์ชันช่วยขับขี่กว่า 30 แบบ เช่น Highway NOA, City NOA และระบบช่วยจอด พร้อมตัวเลือกติดตั้งระบบ Lingyuan vehicle-mounted drone
รุ่นอื่น ๆ มาพร้อมระบบ “God’s Eye” C รองรับ Highway NOA และคาดว่าจะอัปเกรดให้รองรับ City NOA ในอนาคต
ภายในและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารมีให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่ เทา, ส้ม และน้ำเงิน มาพร้อมจอแสดงผลทั้งหมด 7 จอ ได้แก่
-
จอควบคุมกลาง 15.6 นิ้ว
-
หน้าจอหลังพวงมาลัย 12.3 นิ้ว
-
W-HUD ขนาด 26 นิ้ว
-
จอควบคุมแอร์ 2 จอ
-
BYD Pad สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง จำนวน 2 เครื่อง ขนาด 13 นิ้ว
อุปกรณ์เสริมความสะดวกประกอบด้วย ลำโพงสูงสุด 20 ตำแหน่ง, ตู้เย็นในรถความจุ 4.5 ลิตร (อุณหภูมิ -6°C ถึง 50°C), แท่นชาร์จไร้สาย และไฟตกแต่ง Ambient Light รอบห้องโดยสาร
ที่มา : Carnewschina