ใน , , ,

Audi e-tron GT รุ่นปรับโฉม สปอร์ตและแรงขึ้น 912 แรงม้า!

Audi ได้ทำการปรับโฉมให้รถสปอร์ตไฟฟ้าซีดานอย่าง e-tron GT โฉมปี 2025 ให้น่าใช้งานมากขึ้นและเป็นคู่เทียบกับรถสปอร์ตไฟฟ้าแพลตฟอร์มเดียวกันอย่าง Porsche Taycan ที่ได้ทำการปรับโฉมไปแล้ว

Audi e-tron GT รุ่นปรับโฉม สปอร์ตและแรงขึ้น 912 แรงม้า!

คันนี้ก็ได้ทำการปรับโฉมคล้ายกับ Porsche ที่ปรับหน้าตาใหม่ในหลายส่วน มาพร้อม 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิมทั้งรุ่น S e-tron GT, RS e-tron GT และ RS e-tron GT Performance ด้วยหน้าตาปรับใหม่ พร้อมมีการพัฒนาเรื่องของแบตเตอรี่ อัพเกรตระบบส่งกำลัง AWD และการเปลี่ยนโครงสร้างตัวรถใหม่อีกด้วย

e-tron GT โฉมใหม่

สำหรับโมเดลปี 2025 Audi e-tron GT ได้รับการออกแบบกระจังหน้าใหม่ มีการใช้โลโก้ตรา Audi 4 ห่วง 2 แบบ รุ่นเริ่มต้น S e-tron GT จะใช้เป็นตราโลโก้โคเมี่ยมหลังสีดำแบบ glossy อีก 2 รุ่น RS จะเป็นตราโลโก้รมดำ

สำหรับรุ่น RS จะได้รับช่องลมข้างที่กันชนหน้าดีไซน์ “รูปตัว L” ขนาดใหญ่ มาพร้อมกับออปชันล้อดีไซน์ใหม่ “Avus” สำหรับรุ่นปรับโฉมนี้ เป็นล้ออัลลอย Multispoke 12 ก้าน 20 นิ้ว โดยชื่อล้อนี้ได้แรงบันดาลใจจากรถคอนเซ็ปอย่าง Avus Quattro ในปี 1991

สำหรับรุ่น RS Performance มีสีใหม่เฉพาะอย่าง Bedford Green พร้อมการนำหลังคาคาร์บอนแบบด้านใหม่มาให้เป็นครั้งแรกจาก Audi ที่เรียกว่า “Carbon camouflage”

การออกแบบภายในของ e-tron GT ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก ด้วยหน้าจอ Virtual Cockpit อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะแบตเตอรี่ได้มากขึ้น เช่น (อุณหภูมิ, การเตรียมสภาพอาการแบตเตอรี่ และสถานะแบตเตอรี่ระหว่างชาร์จแบบ real-time)

สำหรับรุ่น RS มีการตกแต่งโดยเฉพาะด้วยการแสดงจอแบบ Performance สามารถเลือกสีพื้นหลังเป็นสีขาวได้ การแสดงหน้าปัดสีขาวสุดคลาสสิกจาก Audi RS2 Avant ปี 1994 มาพร้อมหลังคา Panoramic sunroof สามารถปรับค่าปรอทกันแสงได้

ขณะที่การจัดวางภายในส่วนใหญ่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลง Audi ให้พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมใหม่มา รวมถึงเบาะนั่งใหม่ด้วยลวดลายและโลโก้เรืองแสงในเบาะหลัง ส่วนตกแต่งภายในใหม่ด้วยออปชันไม้เบิร์ชไปจนถึงลายคาร์บอนสำหรับรุ่น RS Performance การตัดเย็บตัดด้วยสี Serpentine Green ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีตัวรถใหม่อย่าง Bedford Green

ระบบส่งกำลัง, แบตเตอรี่ และแชสซี

ครั้งนี้ทุกรุ่นสำหรับ e-tron GT ได้อัปเกรตมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังใหม่ภายใต้แพลตฟอร์มของ Audi อย่าง PPE ต้องขอบคุณการจูนระบบทำความเย็นและการออกแบบการจัดวางใหม่ ทำให้ e-motor มีน้ำหนักเบาลงถึง 10 กก. กว่ารุ่นก่อนปรับโฉม ระบบส่งกำลังใหม่นี้ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ยังแรงขึ้นอีกเช่นกัน

ก่อนหน้านี้รุ่นเริ่มต้น e-tron GT ใช้มอเตอร์คู่ AWD ให้พละกำลังที่ 522 แรงม้า สำหรับรุ่นปรับโฉมครั้งนี้แทนด้วยรุ่น S e-tron GT ที่มีพละกำลังเพิ่มอยู่ที่ 671 แรงม้า รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง RS e-tron GT (รุ่นเดิมก่อนปรับโฉม) พละกำลังอยู่ที่ 637 แรงม้า ทำให้ RS รุ่นปรับโฉมใหม่ทำพละกำลังได้ที่ 845 แรงม้า และรุ่นท็อปตัวแรงสุดอย่าง RS e-tron Performance สามารถรีดแรงม้าสูงสุดได้ถึง 912 แรงม้า หากใช้งานโหมด Overboost ที่จะเพิ่มแรงม้าได้ถึง 94 แรงม้าภายในช่วง 10 วินาที

Audi กล่าวว่ารุ่น Performance ใหม่นี้ถือว่าเป็น “โมเดล RS ไฟฟ้า 100% ครั้งแรกของแบรนด์” แม้ว่า e-tron GT จะเคยใช้คำว่า RS มาก่อนหน้าอยู่แล้ว นอกเหนือจากความสับสนนี้แล้ว รุ่น RS e-tron GT Performance ได้มีการดัดแปลงมอเตอร์หน้าให้สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าสูงขึ้น

ทาง Audi อ้างว่าการปรับแต่งครั้งนี้ทำให้ทำรุ่น RS Performance ตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.5 วินาที สำหรับรุ่น RS และรุ่นเริ่มต้น S e-tron GT ทำตัวเลขได้ 2.8 และ 3.4 วินาทีตามลำดับ ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 245 กม./ชม. และรุ่น RS ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำเพิ่มได้ที่ 249 กม./ชม.

ด้วยการลดน้ำหนักระบบส่งกำลังของ e-tron GT ลง ทาง Audi เคลมว่าจะแบตเตอรี่เองก็จะมีน้ำหนักเบาลงประมาณ 10 กก. ขนาดแบตเตอรี่จะใหญ่กว่าก่อนหน้าด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นจาก 83.7 เป็น 97 kWh

Audi ระบุว่าการเพิ่มประสิทธิภาพของแผ่นระบายความร้อนสองชั้นของแบตเตอรี่ ส่งผลให้การชาร์จก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยอัตราการชาร์จไวแบบ DC​ สูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 270 เป็น 320 kW และ Audi เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 10-80% ภายใน 18 นาที หรือเพิ่มประมาณ 280 กม. สําหรับการชาร์จ AC รับกระแสไฟฟ้าได้ที่ 22 kW

สำหรับเรื่องของการเบรก Audi ได้ปรับปรุงระบบเบรกของ e-tron GT โดยเพิ่มจานเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นให้เป็นมาตรฐาน รุ่น RS มีเบรกเคลือบทังสเตนคาร์ไบด์ที่เป็นออปชันเลือกได้สำหรับรุ่น S จานเบรกเซรามิกคาร์บอน 10 พอร์ต พร้อมคาลิปเปอร์เบรคด้านหน้าให้มาทุกรุ่นของ e-tron GT และระบบ Regenerative Braking ทำได้ดีมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้มีกําลังไฟฟ้าที่ 400 kW เทียบกับเดิม 290 นอกจากการทำงานอัตโนมัติแล้ว ผู้ขับขี่สามารถปรับค่าการรีเจนได้ด้วยตนเองถึง 3 ระดับ

Audi กล่าวว่า e-tron GT รุ่นปรับโฉม 2025 จะขับได้ดียิ่งขึ้นเนื่องจากระบบกันสะเทือนแบบถุงลมมาเป็นมาตรฐาน ที่ได้ออกแบบใหม่พร้อมการตั้งค่าที่ปรับได้ 2 แบบ นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบ “แอคทีฟ” ที่สามารถควบคุมล้อแต่ละล้อแยกกันได้ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อเสริมช่วยเพิ่มความคล่องตัว เนื่องจาก Audi กล่าวว่าตอนนี้มีอัตราส่วนเพลาหน้ามากขึ้น นอกเหนือจากความสามารถในการเลี้ยวล้อหลังได้ถึง 2.8 องศา

Audi ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับ e-tron GT ในตลาดยุโรป ซึ่งขณะนี้ได้วางจําหน่ายแล้ว คาดว่าจะได้รับข้อมูลสเปครถฝั่งของสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตอนนั้นเราจะได้รู้เกี่ยวกับ รุ่น ระยะที่วิ่งได้ตามมาตราฐาน EPA และราคา โดยราคาปัจจุบันของ Audi e-tron GT ปี 2024 ในไทย รุ่น e-tron GT quattro ราคา 6,849,000 บาท และรุ่น e-tron GT quattro Performance ราคา 7,249,000 บาท

ที่มา : CarAndDriver

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.