ใน , ,

Ford พยายามผลิตรถ EV ไซส์เล็กราคาย่อมเยาหวังชน Tesla “Redwood”

Ford พยายามผลักดัน Model E มาได้สักพักแล้ว ล่าสุดได้ออกมาประกาศว่าจะสานต่อโปรเจคนี้โดยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาย่อมเยา เพื่อหวังชนกับ Tesla ที่จะออกรถ EV ไซส์เล็กอย่าง Redwood ในช่วงปีหน้า เรามาดูทิศทางและแผนการของ Ford กันครับ

Ford พยายามผลิตรถ EV ไซส์เล็กราคาย่อมเยาหวังชน Tesla “Redwood”

Ford กำลังเปลี่ยนความพยายามผลักดันรถ EV ขนาดใหญ่อย่าง F-150 Lightning แต่เลือกที่จะโฟกัสการพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สักคันให้เป็นที่น่าจดจำเหมือนกับ Model T ในอดีต

Jim Farley CEO ของ Ford ได้กล่าวถึงความพยายามนี้ไว้ ในช่วงงานประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ทาง Ford กำลังพยายามวางแผนการเปิดตัวไลน์อัปรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ด้วยความพยายามให้ความสำคัญเรื่องของราคารถ และประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกล่าวว่า “ก้าวใหม่ของ Ford กำลังจะเปลี่ยนไป”

ลดปริมาณรถ EV ขนาดใหญ่ของ Ford เพื่อเพิ่มความพิเศษให้รถไซส์เล็ก

ทาง Ford พยายามที่จะลดเงินลงทุนให้กับรถ EV คันใหญ่ และลดจำนวนการผลิตลงด้วย การโฟกัสไซส์ใหญ่ “การตลาดของแต่ละประเทศ และประเภทของรถ ทั้งสองเป็นปัจจัยหลักที่เราได้ผลประโยชน์อย่างมากสำหรับการเลือกผลิตรถบรรทุกและรถตู้”

ทาง CEO ได้โชว์แผนของไลน์อัปรถ EV เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้วางแผนมาแล้ว แต่สำหรับเจนที่ 3 ยังคงอยู่ในช่วงผลิตแพลตฟอร์มเท่านั้น

“สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเราได้เริ่มซุ่มทำมากตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เราได้การร่วมมือจากทีมที่มีความสามารถสูงเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มรถ EV ราคาย่อมเยา” กล่าวได้ว่า CEO พูดถึงทีมของ Ford ที่แบรนด์แยกออกมา อ้างอิงจากรายงานของ Green Car Reports นำทีมโดย Alan Clark ผู้ที่เคยเป็นทีมพัฒนาให้กับ Tesla Model 3 “มันเป็นทีมที่เล็กมาก แต่ได้รวมทีมวิศวกรที่ดีที่สุดในโลกด้านรถ EV ไว้ทั้งหมด และเราได้ทำการแยกทีมนี้ออกจากส่วนกลาง Ford มาโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี”

Farley กล่าวเพิ่มว่า “พวกเขากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่จะไม่ได้ถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบของรถ แต่จะเป็นการแพลตฟอร์มที่เน้นในเรื่องของซอร์ฟแวร์และการบริการอย่าง Ford PRO”

แล้วแผนการของ Model E คืออะไร?

แม้ว่า Farley จะพูดถึงแต่สิ่งใหม่ อย่างแพลตฟอร์มที่เป็นความลับ แต่มันก็ฟังดูเหมือนสิ่งที่ Ford เคยพูดไว้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในเดือนพฤษภาคม 2022 Ford เคยประกาศว่าจะแยกให้ Model E เป็นธุระที่แตกต่างออกไปที่จะ “เป็นการเร่งนวัตกรรม ส่งรถยนต์ไฟฟ้าออกมาตามไซส์ที่ตั้งไว้ และพัฒนาซอร์ฟแวร์ การเชื่อมต่อกับตัวรถ รวมถึงการให้บริการของ Ford ทั้งหมด”

เป้าหมายหลักของโปรเจค Model E คือการ “สร้างพื้นฐานที่ดีให้กับรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้น” รวมถึงแพลตฟอร์มรถ EV, แบตเตอรี่, e-motors, อินเวอร์เตอร์ และการชาร์จ

ระหว่างที่ Farley กำลังกล่าวซ้ำถึง Model E ว่ามันกำลังไปได้สวยอย่างที่ตั้งไว้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ Ford เองควรจะเริ่มโฟกัสและลงมือทำรถ EV ราคาย่อมเยาตั้งแต่ปี 2022 เป็นช่วงที่รถ EV คาดแคลนและเป็นที่ต้องการมาก จากทุกดิลเลอร์ ดังนั้น Ford ยังมีโอกาสที่จะพยายามทำในช่วงที่ Tesla กำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กราคาย่อมเยา 25,000 เหรียญสหรัฐ ที่เท็กซัส และมีแนวโน้มจะเปิดตัวในปีหน้า

Farley เสริมไว้อีกว่า “ทีมผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเราทั้งหมดได้โฟกัสไปเรื่องของราคา และประสิทธิภาพ สำหรับรถ EV ไลน์อัปใหม่นี้ เพราะคู่แข่งเองก็กำลังมุ่งเน้นให้รถมีราคาเข้าถึงง่ายขึ้นอย่าง Tesla เอง และแบรนด์ต่าง ๆ จากจีน”

ในช่วงที่ปล่อยข้อมูลของ Model E ทาง Ford ได้กล่าว่าจะตั้งเป้ายอดขายรถ EV อยู่ที่ 2 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2026 เพื่อที่บรรลุเป้าหมาย หรือไปให้ใกล้เคียงที่สุด จากแรงเหวี่ยงปัจจุบันของ Ford เอง ทางแบรนด์จำเป็นต้องการรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด เข้าถึงตลาดได้มากขึ้นนั้นเอง Ford รายงานยอดขายออกมาว่าในช่วงปี 2023 ขายรถ EV ไปทั้งหมด 71,808 คัน โมเดลที่ขายดีที่สุดก็คือ Ford Explorere EV รุ่นของฝั่งยุโรป และ Farley ก็จะพยายามขายรถ EV เพิ่มผ่านแพ็คเก็จอย่าง Ford Pro ในยุโรปปีนี้

“ประสิทธิภาพที่ก้าวหน้า” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นที่ 2

นั่นคือทั้งหมดเกี่ยวกับเจนที่ 3 Farley ได้นำไลน์อัปของรถยนต์ไฟฟ้าเจนที่ 2 ออกมาโชว์ว่าทั้งหมดนี้จะเปิดตัวครบภายในช่วงปี 2025 Ford ได้คอนเฟิร์มว่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไซส์ใหญ่ภายใต้โค้ดเนมว่า T3 ที่จะอ้างอิงถึงรถกระบะอย่าง Millennium Falcon และรถยนต์ไฟฟ้า SUV 7 ที่นั่ง ภายในปี 2025 ด้วยระยะที่วิ่งได้สูงสุด 563 กม./ชาร์จ ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh

“สำหรับไลน์อัปรถยนต์ไฟฟ้าเจน 2 เราจะเริ่มมีกำไรหลังจากเปิดตัว ภายใน 12 เดือนเท่านั้น” CEO ได้กล่าวอย่างมั่นใจ

“ไลน์อัปรถยนต์ไฟฟ้าเจนใหม่นี้จะมีประสิทธิมากขึ้น หากเทียบกับเจนแรก” Farely ได้เสริมไว้ “เขาเชื่อว่ามันจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ลูกค้าจะตื่นเต้นและยอมจ่ายให้กับมัน”

ที่มา : Green Car Reports

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.