Hyundai ได้เชิญให้ร่วมทดสอบการขับขี่และสัมผัส Hyundai IONIQ 5 รุ่น First Edition จากกรุงเทพถึงอยุธยา ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ได้รับรางวัล World Best EV Car of the Year 2020 จนถึงปัจจุบันที่หลายสื่อยังมอบให้คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าใช้งานอยู่ วันนี้ผมนนท์ iMoD จะแชร์ประสบการณ์ให้ได้ชมกันครับ
ประสบการณ์ทดสอบ Hyundai IONIQ 5 เส้นทางจาก IONIQ Lab ถึงอยุธยา (พร้อมคลิป)
กรุงเทพ ฯ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เริ่มต้นทริปจาก IONIQ Lab ที่ True Digital Park West ศูนย์รถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai (สามารถชมคลิปวิดีโอทดสอบครั้งนี้ด้านใต้บทความนี้ครับ)
IONIQ Lab มอบประสบการณ์ Test Drive ที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ AGV สำหรับสไลด์รถเข้ามาโชว์และเคลื่อนรถให้พร้อมสำหรับการออกไปทดสอบขับ IONIQ อย่างอัจฉริยะ
มากกว่านั้นที่ Lab มีการโชว์เทคโนโลยีแพลตฟอร์ต E-GMP ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะให้กับไลน์อัปรถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai โชว์ให้เห็นโครงสร้างที่แข็งแรง การเรียงแบตเตอรี่แยกโมดูลง่ายต่อการดูแลรักษา และใช้หุ่นยนต์ประกอบโชว์อีกด้วย แพลตฟอร์มนี้ได้นำมาใช้กับ IONIQ 5 เป็นรุ่นแรก รองรับสถาปัตยกรรมการชาร์จแบบ 800V
วันนี้เราได้ทดสอบ Hyundai IONIQ 5 รุ่น First Edition เป็นรุ่นท็อปสุด ที่นำเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมแบตเตอรี่ 72.6 kWh มอเตอร์เดี่ยว RWD สี Gravity Gold Matte มาดูกันครับว่าคันนี้จะมีอะไรโดดเด่นและการขับขี่เป็นอย่างไร ทำไมถึงได้รางวัลมากมายขนาดนี้
การสืบทอด DNA ความเรโทรฟิวเจอริสติกสู่ยุคไฟฟ้า (การออกแบบภายนอก)
Hyundai IONIQ 5 ดีไซน์ที่สวยงามตั้งแต่แรกเห็น มีความเป็นเอกลักษณ์สูง เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสันดาปคันแรกของ Hyundai อย่าง Pony ในปี 1974 ทาง Hyundai ได้ส่งต่อ DNA ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกได้อย่างลงตัว คันนี้ถือว่าเป็น Pony เวอร์ชันไฟฟ้าก็ว่าได้
ตั้งแต่ปี 2021 Hyundai ได้ปล่อย Heritage Series ของ Pony ออกมาก็ได้นำ Parametric Pixel มาถ่ายทอดในกับ IONIQ 5 ทั่วทั้งคัน เช่นไฟหน้า ไฟท้าย พอร์ตชาร์จ รวมถึงการตกแต่งภายในด้วยเช่นกัน
สำหรับประวัติการออกแบบเพิ่มเติมรอชมได้ในคลิปเต็มจากทริปครั้งนี้เร็ว ๆ นี้ครับ
การออกแบบฝาหน้าแบบ Clamshell พร้อมไฟหน้า Parametric Pixel Head Lamp
ขีดสีดำด้านใต้ Logo IONIQ 5 สามารถบอกเปอร์เซ็นสถานะระหว่างการชาร์จได้
เรียบหรูห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ (การออกแบบภายใน)
ด้วยแพลตฟอร์ม E-GMP ทำให้ตัวรถคันนี้มีความกว้างขวางและมีพื้นที่ราบเรียบ ทำให้การดีไซน์ภายในเป็นไปได้อย่างที่นักออกแบบทางเกาหลีต้องการออกแบบให้อารมณ์ Cozy Living Room ที่มีความกว้างขวางและยืดหยุ่นสามารถปรับเบาะโดยสารได้ทั้งตอนหน้าและตอนหลัง รวมถึงคอนโซลกลางที่เลื่อนหน้าหลังได้เช่นกันตามคลิปด้านล่าง
คันนี้ส่วนใหญ่ยังมีปุ่มกดแบบปกติมาให้ใช้อยู่ รวมถึงปุ่มกด EV Start/Stop หากใครที่ไม่ชอบใช้งานทุกฟังก์ชันผ่านจอกลางคันนี้ตอบโจทย์ครับ กระจกข้างปรับได้ง่าย ระบบแอร์อาจจะสับสนช่วงแรกเนื่องจากไอคอนแอร์ด้านล่างเขียนว่า off ที่จริงมันคือปุ่มลดแรงลมแอร์ หากกดเรื่อย ๆ จนสุดจะเป็นการปิดแอร์นั้นเอง
หลังคาแบบ Vision Roof ชิ้นใหญ่มาพร้อมม่านกันแดดที่กางออกจากตรงกลาง จากที่ทดลองแบบไม่ปิดม่านบังแดดถือว่าทนความร้อนจากแดดประเทศไทยได้ดี (คันที่เราได้นำมาทดสอบอาจจะติดฟิล์มกรองแสงมาด้วย) รวมถึงระบบแอร์ที่สามารถเป่าได้แรงถึง 8 ระดับ
คันเกียร์ถือว่าแปลกมาก ๆ เพราะเป็นเกียร์มือหลังพ่วงมาลัยที่ต้องใช้การบิดขึ้น-ลง แต่ตำแหน่งเกียร์ D ดันไปอยู่ด้านบนที่ขัดจากตำแหน่งรถยนต์เกือบทุกคันที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ทุกครั้งที่จะเข้าเกียร์จะต้องตั้งสติอยู่ตลอด
ไฮไลท์คันนี้คือระบบ Zero Gravity Chair ที่ทาง Hyundai ได้นำวิจัยจากนาซ่าที่คำนวนลักษณะที่ถูกต้องที่สุดในการนอนของมนุษย์ เหมาะกับการรอการชาร์จหรือนอนในรถก็ทำได้อย่างสบาย
ประสบการณ์การขับขี่ครั้งแรกกับ Hyundai IONIQ 5
อย่างแรกขึ้นมาแล้วสัมผัสได้ก็คือวัสดุภายในดูดีสวยงาม และดูสบายหน้านั่งกว่าที่คิด พวงมาลัยหนังจับได้กระชับมือมาก ๆ มีปุ่มกดเปลี่ยน Drive Mode ด้านล่างซ้ายใช้งานสะดวก แต่สังเกตว่าปุ่มกดฟังชันต่าง ๆ ชิดกับพวงมาลัยไปมากทำให้เวลาเลี้ยวอุ้งมือจะเผลอได้โดนอยู่บ่อยครั้ง
น้ำหนักพวงมาลัยเบามาก แม้จอดอยู่แล้วผมลองหมุนพวงมาลัยด้วยนิ้วชี้ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายรอชมคลิปจากวิดีโอเต็มนะครับ ฟิลลิ่งการขับขี่โดยรวมคันนี้นุ่มสบายมากจนเซอร์ไพรส์ผมมาก ๆ ช่วงล่างนุ่มสบาย พวงมาลัยเบาแต่แม่นยำ ไฟเลี้ยวดีดกลับได้เงียบอย่างหรูหรา
ในย่านความเร็วต่ำพวงมาลัยน้ำหนักเบาสบาย แต่พอปรับ Sport Mode ถือว่าเพิ่มน้ำหนักมาประมาณ 40-50% ซึ่งเหมาะสมสำหรับช่วงความเร็วสูงมาก แต่หากใช้ความเร็วต่ำถือว่าน้ำหนักอาจจะมากไปเล็กน้อย
ย่านความเร็วสูงคันนี้หลังจากพ้นความเร็ว 117 กม./ชม. ขึ้นไปเสียงลมเริ่มเข้ามาในตัวรถอย่างชัดเจน หากเปลี่ยนเลนกระทันหันในความเร็วสูงตัวรถจะมีอาการโยนสูงมาก บวกกับคันนี้ขับเคลื่อนล้อหลังจะมีอาการหวิวให้ได้รู้สึก แต่บางจังหวะที่เจอเนินสะพานคันนี้ก็แอบมีความหนึบให้ได้เห็นบาง ส่วนความแม่นยำของพวงมาลัยถือว่าทำได้ดีมาก ทำให้คันนี้อาจจะไม่เหมาะกับการขับด้วยความเร็วสูงและเข้าโค้งสักเท่าไหร่ จะเหมาะกับขับสบาย ๆ ในเมือง หรือขับไปเรื่อย ๆ นั่งเป็นครอบครัวจะสบายกว่าครับ
สเปค Hyundai IONIQ 5 (รุ่น First Edition)
- แบตเตอรี่ NMC ความจุ 72.6 kWh
- มอเตอร์เดี่ยวที่ล้อคู่หลัง
- ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
- ระยะที่วิ่งได้ 451 กม./ชาร์จ (WLTP)
- พละกำลัง 217 แรงม้า
- แรงบิด 350 นิวตันเมตร
- 0-100 กม./ชม. 7.4 วินาที
- สถาปัตยกรรมการชาร์จ 800V
- รองรับ AC 10.5 kW
- รองรับ DC เริ่มต้น 50 kW / สูงสุด 350 kW
- แบบ Ultra fast charging จาก 10-80% ภายใน 18 นาทีเท่านั้น
- อัตราการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 17.9 kWh/100 km
- น้ำหนัก 1,990 กก.
- ความยาวฐานล้อ 3,000 มม.
จุดสังเกต
- ไม่มีการแจ้งเตือนจากรถหากผู้นั่งโดยสารไม่คาดเข็มขัด
- จอไกลเกินไปทำให้ผู้ขับขี่ต้องเอื้อมเพื่อไปกดมุมซ้ายสุด
- ระบบป้องกันการชนด้านข้างดึงกลับอีกฝั่งที่มีรถบรรทุกวิ่งอยู่
- ลำโพง Bose Stage เสียงไม่กองอยู่ด้านหน้า
- Range คันนี้อาจจะน้อยไปหากเทียบกับคู่แข่ง
- ไม่เหมาะกับขับไวใช้ความเร็วสูงเท่าไหร่
สรุปทดสอบขับขี่ Hyundai IONIQ 5 ทริปนี้
เริ่มต้นทริปแบตเตอรี่ 93% มีระยะที่วิ่งได้ประมาณ 417 กม. ขับไปถึงที่อยุธยาใช้พลังงานไปเฉลี่ย 18.2 kWh/100 กม. แบตเตอรี่เหลือ 70% ระยะที่วิ่งได้ประมาณ 247 กม. ตอนขับกลับนำรถมาคืนที่ IONIQ Lab เหลือระยะที่วิ่งได้ 112 กม. กินพลังงานไปเฉลี่ย 20.7 kWh/100 กม. ซึ่งการขับขี่ครั้งนี้มีการขับขี่ทั่วไป และใช้งานทั้งความเร็วสูง รวมถึงเจอรถติดในตัวเมืองกรุงเทพเป็นเวลานานผสมกันไป
สรุป Hyundai IONIQ 5 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์สูงด้วยดีไซน์ ตอนนำออกทดสอบมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจตัวรถไม่น้อย ช่วงล่างและการขับขี่ที่นุ่มสบายมาก พวงมาลัยแม่นยำ ห้องโดยสารกว้างขวาง หากใครที่อยากได้ดีไซน์และการขับขี่แบบนี้ผมแนะนำให้ไปเล่นรุ่นกลางอย่าง Exclusive ราคาที่ 1.89 ล้านบาท มีระยะที่วิ่งได้สูงสุดต่อการชาร์จที่ 481 กม. (มาตรฐาน WLTP) หากอยากครบจบด้วย Vision Roof, Zero Gravity Chair และอื่น ๆ ต้องไปที่ First Edition ราคาอยู่ที่ 2.39 ล้านบาท
สุดท้ายผมเองตื่นเต้นกับ Hyundai IONIQ 5 N รถยนต์ไฟฟ้าตัวแรงที่ไม่ใช่แค่จูนให้ไวขึ้นแต่ตกแต่งภายนอกและภายใน พร้อมระบบการขับขี่ที่ให้สมรรถนะสูง ทางสื่อต่างประเทศเคลมว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับลง track ได้ฟิลที่สุดมาก ๆ หนึ่งคัน อย่าลืมกดติดตาม Youtube ช่อง iMoD ไว้เพื่อจะได้ไม่พลาดหากเราได้นำ IONIQ 5 มารีวิวฉบับเต็มให้ได้ชมกันครับ