Matt Danadel ยูทูบเบอร์เจ้าของรถ Tesla Model Y ทั้ง 2 รุ่น ได้เล่า 8 เหตุผลที่ทำให้รถรุ่นดังกล่าวไม่น่าซื้อมาใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ยางเสื่อมสภาพได้ง่าย ระบบเบรกที่แปลกประหลาด ไม่รองรับ Apple Car Play/Android Auto และอื่น ๆ ฯลฯ
ยูทูบเบอร์อเมริกันเผย 8 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ Tesla Model Y มาใช้งาน
Matt Danadel ยูทูบเบอร์ผู้เป็นเจ้าของรถ Tesla Model Y รุ่น Performance และรุ่น Long Range ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้ทำคลิปวิดีโอ 8 เหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อรถ Model Y ซึ่งเขาได้ให้รายละเอียดไว้มากมายไว้ในคลิป
ข้อที่ 1 ต้องปรับตัวเรื่องการชาร์จแบตฯ
ผู้ใช้รถยนต์สันดาปมาก่อน อาจคุ้นชินกับการเติมน้ำมันที่ใช้เวลาไม่นาน แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เวลาชาร์จแบตฯ ที่นานขึ้น ทั้งนี้ Tesla เองก็มีสถานีชาร์จอย่าง Supercharger ซึ่งใช้เวลาชาร์จประมาณ 15 นาที ทั้งนี้ต้องคำนวณระยะทางการเดินทางไว้ให้ดี ๆ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์แบตฯ หมดกลางทางได้
ข้อที่ 2 ยางอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
สำหรับรถ Model Y รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่น ซึ่งมีอัตราเร่งที่ไวมาก ๆ โดยเฉพาะรถรุ่นนี้ที่มีอัตราเร่งจาก 0-100 เพียงไม่กี่วินาที รถรุ่นดังกล่าวจึงต้องพบกับปัญหายางเสื่อมสภาพไวกว่ายางที่ใช้กับรถน้ำมัน แต่ในปัจจุบันก็มียางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าออกมาให้ใช้หลายยี่ห้อเช่นกัน
ข้อที่ 3 ไม่แถมยางอะไหล่
Tesla Model Y ไม่ได้แถมยางสำรองมากับตัวรถด้วย เหตุผลดังกล่าวอาจดูไม่น่ากังวลมากสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานรถในที่ไกล ๆ หรืออาจจะอยู่ใกล้กับโชว์รูมของ Tesla แต่ถ้าใช้งานในระยะทางที่ไกล แล้วยางเกิดแบน หรือแตกขึ้นมาซึ่งอาจจะเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ สำหรับเจ้าของรถรุ่นนี้
อย่างไรก็ตาม Tesla ก็มีบริการ Roadside Assistance ทำให้รับความช่วยเหลือจากทางบริษัทได้ โดยจะส่งรถลากจูงภายใต้การรับประกันโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายระยะ 80 กม.บริการดังกล่าวอาจเกิดความล่าช้า และไม่สะดวกในพื้นที่ห่างไกลหรือชนบท
ข้อที่ 4 ระบบเบรกที่แปลกประหลาด
อย่างที่ทราบกันว่า Tesla ได้มีระบบเบรก Regen เพื่อใช้แรงเฉื่อยของรถทำให้มอเตอร์แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ ซึ่งระบบดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้รถ Model Y อาจต้องฝึกใช้งานกับระบบนี้ประมาณ 10-20 นาที ถึงจะใช้ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
ข้อที่ 5 เกิดความกังวลในระยะทาง
ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าหลายรายรวมไปถึงผู้ใช้รถ Model Y มีความกังวลเรื่องระยะทางเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้การเดินทางไกลแต่ละครั้ง ผู้ใช้รถต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ๆ เนื่องจากสถานีชาร์จแบตเตอรี่มีอยู่น้อยเมื่อเทียบกับปั๊มน้ำมัน โชคดีที่ Tesla มีระบบที่สามารถคำนวณระยะทางก่อนเดินทางไปยังแท่นชาร์จของแต่ละพื้นที่ได้
ข้อที่ 6 แต่งรถไม่ได้
รถรุ่นอื่นสามารถแต่งอะไรเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น แต่งรถให้มีความสวยงาม หรือแต่งรถให้แรงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รถในกลุ่ม JDM (Japan Domestic Market) ที่สามารถแต่งรถได้อย่างจัดหนักจัดเต็ม แต่สำหรับ Tesla Model Y เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เนื่องจากอาจจะทำให้สิ้นสุดการรับประกัน
แต่ผู้ใช้สามารถเพิ่มความเร็วให้กับรถ Model Y ได้ ด้วยการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่มีค่าใช้จ่ายราว ๆ 2 พันดอลลาร์ (ประมาณ 6.9 หมื่นบาท)
ข้อที่ 7 ไม่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
ขณะที่รถรุ่นอื่นสามารถรองรับ AppleCar Play และ Android Auto แต่ Tesla เองยังไม่รองรับฟีเจอร์ดังกล่าว Matt เสริมว่า ซอฟต์แวร์ของ Tesla ได้สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของบริษัทโดยเฉพาะ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของรถรุ่นนี้ และมีประสิทธิภาพเหนือกว่า 2 ฟีเจอร์ที่กล่าวมา
ข้อที่ 8 การบริการที่ไม่ทั่วถึง
ปัจจุบันมีผู้ใช้รถ Tesla ที่เพิ่มมากขึ้น ศูนย์บริการอาจจะรองรับได้ไม่เพียงพอ จึงทำให้การซ่อมหรือการเข้ารับบริการต่าง ๆ อาจจะล่าช้าและไม่ทั่วถึง ทั้งนี้บริษัทอาจต้องขยายศูนย์บริการให้เพียงพอต่อปริมาณรถ Tesla ในอนาคตด้วยเช่นกัน
ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ที่นี่
ที่มา – InsideEVs