ใน ,

[รีวิว] ลองนั่งแท็กซี่ EV ของ VinFast ในเวียดนาม ประสบการณ์การเป็นอย่างไรบ้าง? ราคาแพงไหม​?

พาไปลองนั่งรถแท็กซี่ EV ที่ประเทศเวียดนาม เดินทางด้วยแอป “Xanh SM” ประสบการณ์การนั่งจะเป็นอย่างไร ราคาแพงไหม แตกต่างจากรถแท็กซี่ทั่วไปอย่างไร ตามมาอ่านกัน ใครจะไปเที่ยวเวียดนามห้ามพลาด!

รีวิว ลองนั่งแท็กซี่ EV ของ VinFast ในเวียดนาม ประสบการณ์การเป็นอย่างไรบ้าง? ราคาแพงไหม​?

ขอเล่าก่อนว่าแท็กซี่ EV ที่ได้ไปลองนั่งมาเป็นแท็กซี่ EV เจ้าแรกในเวียดนาม ให้บริการโดยบริษัท Green and Smart Mobility (GSM) บริษัทใหม่ที่ก่อตั้งโดยประธานบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า VinFast ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลเวียดนามพยายามผลักดันให้ใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าให้รถแท็กซี่ใหม่ทุกคันใช้รถยนต์ EV ตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป และเปลี่ยนรถแท็กซี่ทั่วประเทศให้เป็นรถยนต์ EV ทั้งหมดภายในปี 2050

  • แท็กซี่ EV ของ GSM เปิดให้งานในกรุงฮานอยก่อน (จำนวน 600 คัน) ต่อมาก็จะเปิดให้บริการในอีก 5 จังหวัดอื่น ๆ ของเวียดนามด้วย แน่นอนว่ารถ EV ที่นำมาวิ่งให้บริการเป็นรถ EV ยี่ห้อ VinFast ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด

รู้จักกับ VinFast

VinFast เป็นบริษัทสตาร์ทอัปผลิตรถยนต์ ในเครือของกลุ่มวินกรุ๊ป (Vingroup) ซึ่งบริษัทแม่ทำธุรกิจอยู่แล้วหลายอย่าง ได้แก่ เทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา ธุรกิจเกษตร ธุรกิจบันเทิง รวมถึงยังผลิตสมาร์ตโนฟขายในประเทศด้วย

รีวิวการนั่งรถแท็กซี่ EV ของ GSM

หลังจากที่เปิดให้บริการในกรุงฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวง ทาง GSM ก็ได้ขยายบริการแท็กซี่ EV ไปยังกรุงโฮจิมินห์ด้วย ผู้เขียนจึงมีโอกาสได้ทดลองนั่งอยู่หลายครั้ง ก็เลยอยากมาบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานให้ฟัง เผื่อใครที่ไปเที่ยวเวียดนามจะได้ลองนั่งกันดูบ้าง

แอปที่ใช้เรียกรถแท็กซี่ EV ในเวียดนามชื่อแอปว่า “Xanh SM” โดยการจะใช้งานได้ เราจะต้องมีเบอร์โทรศัพท์ของเวียดนามก่อน (สามารถไปซื้อซิมได้ที่เคาเตอร์ขายซิมต่าง ๆ ตามสนามบิน)

หน้าตาของแอปก็จะเป็นประมาณนี้ ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทั้งบน iPhone และสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์

แอปเขาก็มีหน้าตาคล้ายกับแอปเรียกรถทั่วไป เริ่มแรกจะเป็นเมนูภาษาเวียดนาม แต่สามารถเปลี่ยนภาษาให้เป็นภาษาอังกฤษได้

แผนที่ที่ปรากฏในแอปอ้างอิงตาม Google Maps ดังนั้น เราสามารถพิมพ์ตำแหน่งที่ตั้งหรือจุดหมายที่ต้องการลงไปได้เลย อาจจะค้นหาเป็นชื่อโรงแรม ห้าง หรือสถานที่ตาม Google Maps ได้เลยค่ะ

💡รถแท็กซี่ที่เวียดนามทุกคันจะติดป้ายทะเบียนสีเหลือง

รถแท็กซี่ของ Xanh SM มีให้เรียกสองแบบ แบบแรกคือแบบธรรมดา ราคาจะถูกกว่า และตัวรถจะเป็นรถ EV สีเขียวที่เด่นมาก ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะมองไม่เห็น ส่วนคนขับรถที่จะมีชุดเครื่องแบบเป็นเสื้อโปโลสีเขียว สีเดียวกับตัวเลยรถ

Cr. thegioididong

รถที่ใช้เป็นรุ่น EV ยี่ห้อ VinFast VF e34 สามารถนั่งได้สูงสุด 4 คน

Cr. Dantri

ส่วนรถที่เป็นแบบ Luxury ก็จะได้ประสบการณ์อีกแบบ ราคาจะแพงกว่า เพราะทุกอย่างพรีเมี่ยมกว่า รถที่ใช้รับลูกค้าระดับ Luxury จะเป็นรถคันใหญ่ เป็นรุ่น VinFast VF 8 สีดำ นั่งสบาย ภายในกว้างกว่า รถนุ่มกว่า มีแอร์ด้านหลัง และช่องสำหรับเสียบชาร์จแบตให้เราด้วย รถประเภทนี้นั่งได้สูงสุด 4 เช่นกัน

ที่ประทับใจก็คือคนขับทุกคนจะใส่สูท ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนมีคนขับรถส่วนตัวสุด ๆ

จากการได้ลองนั่งคือรถแท็กซี่ทุกคันของเขาใหม่มาก เพราะพึ่งเป็นให้บริการได้ไม่นาน คนขับยิ้มแย้มน่ารัก พยายามชวนคุย บางคนพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย อีกอย่างที่ชอบคือทุกคนขับรถเก่งมาก จะซอยแคบขนาดไหนเขาก็พยายามไปส่งเราถึงที่ ที่สำคัญคือ การเรียกรถผ่านแอปแบบนี้ปลอดภัยกว่า เพราะเราจะไม่โดนโกงหรือถูกเรียกเก็บเงินเพิ่ม

แท็กซี่ EV ราคาแพงไหม ?

ผู้เขียนได้ลองเรียกรถจากสนามบินนานาชาติเตินเซินเญิ้ต (SGN) ไปโรงแรมแถวเขต 1 (District1) ระยะทางประมาณ 8.3 กม. ค่าบริการการเรียกรถแบบธรรมดา(รถสีเขียว) จะอยู่ที่ 132,000 ดอง หรือประมาณ 190 บาท ส่วนค่าบริการการเรียกรถแบบ Luxury จะอยู่ 168,000 ดอง หรือประมาณ 240 บาทเท่านั้น

ซึ่งราคาอาจจะมีขึ้นหรือลงบ้างตามช่วงเวลาและความต้องการรถ ส่วนการจ่ายเงินก็สามารถเลือกจ่ายได้ทั้งเงินสดหรือบัตรเครดิต

สำหรับการขึ้นแท็กซี่ที่เป็นสีเขียวสามารถโบกมือเรียกได้ โดยจะคิดค่าบริการตามมิเตอร์ มีอัตราค่าบริการดังนี้

  • กม. แรก 30 บาท / กม.ต่อไป 23 บาท และหากนั่งเกิน 26 กม. จะคิดค่าบริการ 21 บาท/กม.

จากการได้ลองเรียกหลายครั้ง เปรียบเทียบกับแอปเรียกรถอีกเจ้านึง พบว่าแอปนี้ราคาถูกกว่านิดหน่อย อาจเป็นเพระาว่าคนยังไม่รู้จักมาก และมีคนเรียกน้อยกว่า

รถแท็กซี่ EV ต่างจากรถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมันตรงไหน ?

ส่วนตัวมองว่า ประสบการณ์โดยรวมด้านการนั่งแทบไม่ต่างกัน แต่ชอบตรงที่รถ EV ส่วนใหญ่เขาจะมีจอใหญ่อยู่ตรงกลาง ระหว่างที่เรานั่งอยู่ก็สามารถดูแผนที่จากเบาะหลังได้เลย เอาไว้เช็คเป็นระยะว่าเราเดินทางถึงไหนแล้ว คนขับพาเรามาถูกทางไหม

ถือว่าแท็กซี่ EV เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเดินทางในเวียดนาม หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยว แนะนำให้ลองนั่งซักครั้งกก็ไม่เสียหาย ได้นั่งรถใหม่ ราคาถูกกว่า ได้ประสบการณ์ที่แตกต่าง ลองนั่งกันดูได้ค่ะ

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนก็อยากให้รถแท็กซี่ในประเทศไทยเป็นรถ EV บ้างจัง

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Yanika Seesai