โรงงาน Tesla ประจำประเทศเยอรมนี เริ่มผลิตรถ Model Y SUV ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ LFP Blade Battery จากค่าย BYD และรถ Model 3 รุ่นนำเข้าจากประเทศจีน จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่จาก CATL
Tesla เริ่มผลิตรถ Model Y มาพร้อมกับแบตเตอรี่จาก BYD ในโรงงาน Gigafactoy ประเทศเยอรมนี
เว็บไซต์ Teslamag.de ได้รายงานว่า Model Y รุ่น RWD จะมาพร้อมกับแบตเอตรี่จากทาง BYD ในขณะ Model 3 รุ่นนำเข้าจากประเทศจีน จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ LFP จาก CATL
ในขณะที่ CATL มุ่งเน้นไปที่การผลิตแบตเตอรี่ แต่สำหรับ BYD เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่ครอบคลุม supply chain ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ตั้งแต่การเป็นเจ้าของเหมืองลิเที่ยมสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ รวมไปถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ ADAS* สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายนี้ นอกจากนี้ BYD ยังได้มีธุรกิจรถบัส ซึ่งในตอนนี้ได้ขยายธุรกิจรถบัสสำหรับรับส่งนักเรียนไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
*ระบบ ADAS – Advanced driver-assistance system คือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงคือกลุ่มของเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการขับขี่และการจอดรถ
ในช่วงต้นปี 2565 มีรายงานระบุว่า Tesla ได้เข้าซื้อโรงงานผลิตแบตเตอรี่ FinDreams Battery ของ BYD สำหรับแบตเตอรี่ชนิด blade batteries ที่จะผลิตใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า 204,000 คันต่อปี ต่อมาในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน Lian Yubo รองประธานของ BYD ได้ให้สัมภาษณ์กับ CGTN ว่าทางบริษัทจะผลิตแบตเตอรี่ให้กับ Tesla อย่างไรก็ตาม วิดีโอสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกลบออกจากเว็บไซต์ในภายหลัง
แหล่งข่าวรายงานว่า จากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่มีข้อมูลคล้าย ๆ กันได้ถูกอ้างอิงโดย Sina Auto Tech เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2565 ไว้ว่าทาง BYD ได้เริ่มส่งมอบแบตเตอรี่ชนิด blade battery ให้กับโรงงาน Tesla ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันแล้ว ซึ่งเป็นโรงงาน Gigafactory แห่งแรกที่ใช้แบตเตอรี่ของ BYD
จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2023 ได้มีข่าวลือออกมาว่าทาง Tesla จะไม่ต่อสัญญากับ BYD ซึ่งทาง Elon Musk ได้แสดงความเห็นอย่างรวดเร็วบน Twitter เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ว่า บริษัท Telsa กับ BYD ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ แม้ว่าแบรนด์รถทั้ง 2 ค่ายนี้จะยังไม่เคยมีการยืนยันเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการก็ตาม
ยอดขายรถ BYD ในช่วงเมษายน 2566
BYD ได้รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนเมษายนปี 2565 ในโรงงานที่เซินเจิ้น ไว้ดังนี้ กลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ได้ขายแล้วทั้งหมด 1,863,494 คัน ประกอบไปด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล plug-in hybrid ทั้งหมด 911,140 รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 911,140 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ทั้งหมด 6,115
ในเดือนเมษายน 2566 BYD ได้ขายรถในกลุ่ม BEV ทั้งหมด 104,346 คัน เทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 82% และเพิ่มขึ้นอีก 1.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอย่างเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ของ BYD สำหรับรถยนต์ BEV
นอกจากนี้ BYD ได้มียอดขายรถยนต์ PHEV ถึง 105,103 คัน เมื่อรวมยอดขายทั้งหมดแล้ว BYD ได้ขายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลไปแล้วทั้งหมด 209,464 คัน ในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบเป็นรายปี
การส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของ BYD สูงถึง 4.1 ล้านในไตรมาที่ 1 ทำให้มียอดขายสูงกว่า Volks Wagen และกลายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในประเทศจีน
ที่มา – CarNewsChina