ช่วงที่ผ่านมา Polestar กำลังไปได้สวยในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และกำลังรุกตีตลาดในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงไทย ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะไปได้สวย แต่ล่าสุด Volvo ประกาศแยกทางกับ Polestar “เป็นเรื่องปกติที่ต้องแยกกันไปเติบโต” เรามาดูกันครับว่าชะตากรรมของ Polestar หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
Volvo ประกาศแยกทางกับ Polestar “เป็นเรื่องปกติที่ต้องแยกกันไปเติบโต”
การที่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรูสมถรรนะสูงอย่าง Polestar สูญเสียการลงทุนจาก Volvo เรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวร้ายมากสำหรับ Polestar ที่ Volvo จะส่งต่ออำนาจการควบคุมทั้งหมดให้กับเครือใหญ่อย่าง Geely อย่างไรก็ตาม เรื่องนี่ถือว่าทาง Volvo ทำให้ Polestar ผิดหวังอย่างมาก และกล่าวอีกว่า “มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องแยกกันไปเติบโต” สำหรับทั้งสองแบรนด์
Polestar 4 (สปอร์ตไฟฟ้า SUV coupé)
หลังจากการประกาศแยกทางในวันที่ 31 มกราคม 2024 หุ้นของ Volvo ก็ได้พุ่งขึ้นมากถึง 30% อ้างอิงจากการรายงานของ Bloomberg ตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ ปกติ Volvo มีสัดส่วนหุ้น Polestar อยู่ 48% ที่นักวิเคราะห์ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า Volvo พยายามควบคุมในเรื่องของทรัพยากรการผลิตมาโดยตลอด หลังจากที่ Polestar ได้เริ่ม startup ทำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่ปี 2022 ที่ซึ่งต้องหวังพึ่งเงินลงทุนจากทั้ง Volvo และ Geely มาโดยตลอดเพื่อพยุงให้อยู่รอดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่การแข่งขันสูงนี้
Jim Rowan CEO ของ Volvo ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า “มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องแยกกันไปเติบโต” ระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ “ชัดเจนแล้วว่า เราได้พยายามแยกออกจาก Polestar มานานแล้ว เราได้เริ่มทำธุรกิจกับ Polestar มาหลายปีตั้งแต่ช่วงกำลังเริ่มต้น” Volvo ได้เข้าไปซื้อ Polestar ในปี 2015 และเปิดตัวเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า startup ในปี 2017
Polestar 4 (สปอร์ตไฟฟ้า SUV coupé)
เครือยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน Geely ได้ถือเป็นเจ้าของทั้ง 2 แบรนด์ วางแผนเตรียมที่จะผลักดันและช่วยเหลือ Polestar โดยการกระจายหุ้นเพิ่มนั้นเอง กล่าวได้ว่าจะเป็นสนับสนุนให้ Polestar ในฐานะแบรนด์อิสระ
Polestar ได้ทำประกาศออกมากล่าวว่า “Volvo จะยังคงเป็นพันธมิตรในเรื่องของการแชร์ R&D, โรงงาน, การบริการหลังการขาย และการโฆษณา” แต่เป็นที่แน่ชัดว่า Polestar เสมือนถูกตัดท่อน้ำเลี้ยงหลักจาก Volvo และยังถือว่าเป็นเรื่องยากที่ Polestar จะสามารถลุยเองทั้งหมดเอง
Polestar เพิ่งได้ออกมาประกาศแผนที่จำเป็นต้องลดการจ้างงานถึง 15% ลงให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ต้องการเงินจำนวนมากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะพยุงให้รอดถึงปีหน้า อ้างอิงจากนักวิเคราะห์จาก Bernstein ที่ได้รายงานให้ Automotive News Europe กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่านี้คือโอกาสที่ดีสำหรับ Polestar ที่จะเติบโตด้วยตัวเองที่จะสะดวกและมีความส่วนตัวมากกว่า
Volvo ถือว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ที่ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ทั้งหมด 100% ภายในปี 2030 และได้ทำการขายรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วมากกว่า 113,000 คัน ในปีที่แล้ว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ทางแบรนด์จะต้องเผชิญการแข่งขังที่ดุเดือดกับเจ้าตลาดอย่าง Tesla และ BYD แม้ว่าหุ้น Volvo จะทะยานหลังจากปล่อยข่าวแยกตัวกับ Polestar แต่หุ้น Volvo เองก็เคยลงไปต่ำถึง 38% ในช่วงปีที่แล้ว ที่คิดเป็นยอดเงินรวมกว่า 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อ้างอิงจาก Bloomberg
ปีที่ผ่านมา Volvo เองก็ต้องลงการจ้างงานถึง 1,300 ตำแหน่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย และยังต้องเผชิญกับปัญหาซอร์ฟแวร์จาก Volvo EX30 และ EX90 อีกด้วย ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสุดหิน ที่แม้กระทั่งผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ จากเยอรมันและฝั่งยุโรป ก็มียอดการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ตกต่ำกว่า 14% ในช่วงปีนี้
Volvo EX30 (SUV ขนาดเล็ก)
Volvo EX90 (SUV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง)
Volvo ไม่ได้เป็นเจ้าเดียวที่ต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ยุครถ EV เพราะในสัปดาห์นี้ Renault ก็ต้องยุติแผนการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ IPO สำหรับการเป็น startup ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ทาง Ampere และ Volkswagen ที่จะผลักดันเข้าหุ้น PowerCo. ที่ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า GM เองก็ยังต้องหันกลับมาผลิตรถยนต์แบบ Plug-in hybrid
ที่มา : electrek