ใน , , , ,

ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ 210,000 บาท Xiaomi SU7 Ultra แค่เท่ห์แต่ช่องลมไม่ทะลุจริง?!

Xiaomi กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรงสายขับขี่ด้วยรุ่น SU7 Ultra ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ล่าสุดเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ซื้ออุปกรณ์เสริมราคาสูงที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ในด้านประสิทธิภาพการขับขี่แม้แต่น้อยเลย

ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ 210,000 บาท Xiaomi SU7 Ultra แค่เท่ห์แต่ช่องลมไม่ทะลุจริง?!

ในช่วงไลฟ์สดยาว 4 ชั่วโมงในคืนวันสิ้นปี ผู้ก่อตั้ง Xiaomi อย่าง Lei Jun ได้ประกาศว่า ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์แบบมีช่องระบายอากาศได้เป็นอุปกรณ์เสริมใน Xiaomi SU7 Ultra ถือว่าสร้างความฮือฮาในหมู่แฟน ๆ ได้ไม่น้อย

ทาง Xiaomi ระบุว่าฝากระโปรงนี้ผลิตด้วยกระบวนการ Hot-press tank อันซับซ้อน ช่วยลดน้ำหนักรถลงได้ประมาณ 1.3 กิโลกรัม ที่สำคัญคือมีช่องลมแบบทะลุ 2 ช่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางแอโรไดนามิก โดยได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ SU7 Ultra คันที่เคยใช้วิ่งทดสอบที่สนาม Nürburgring

แต่เมื่อมีการส่งมอบรถชุดแรกให้กับลูกค้าที่เลือกฝากระโปรงคาร์บอนราคา 42,000 หยวน (ประมาณ 210,000 บาท) ผู้ใช้งานบางรายได้ทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยตัวเอง เช่น ใช้เครื่องเป่าลม เพื่อดูว่ามีอากาศไหลผ่านช่องลมหรือไม่ ผลที่ได้คือ แทบไม่มีการไหลของอากาศเลย ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจ และมีการตั้งคำถามว่า ช่องลมที่ดูเหมือนมีประโยชน์นั้นเป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น

ผู้ใช้หลายคนเปรียบเทียบกับรถจากผู้ผลิตสมรรถนะสูงรายอื่นอย่าง Ferrari หรือ Porsche ที่ช่องลมบนฝากระโปรงมีส่วนช่วยในการสร้างแรงกด (Downforce) รวมถึงการระบายความร้อนได้จริง แตกต่างจากกรณีของ Xiaomi SU7 Ultra ที่จะเน้นขายเพียงแค่ “ลุคเท่ห์” มากกว่าการช่วยเพิ่มสมรรถนะ

แม้ Xiaomi จะชูจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบาและความสวยงาม แต่ความคลาดเคลื่อนระหว่างสิ่งที่โฆษณาไว้ กับประสิทธิภาพจริงของชุดแต่งนี้ ทำให้เกิดข้อวิจารณ์ว่า เป็นเพียงของแต่งราคาแพงที่ไม่ได้ช่วยเรื่องประสิทธิภาพอย่างโม้ไว้

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายของแบรนด์หน้าใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ที่ต้องหาจุดสมดุลระหว่าง “ความดึงดูดทางการตลาด” กับ “วิศวกรรมที่ใช้ได้จริง”

สรุปง่าย ๆ คือฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์แบบมีช่องระบายของ Xiaomi SU7 Ultra ที่มีราคาประมาณ 210,000 บาท อาจเป็นเพียงการแต่งรถให้ดูดุดันมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้รถได้ดีขึ้นอย่างที่หลายคนหวังไว้

ที่มา : Carnewschina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.