จากการวิเคราะห์ล่าสุดของ Ember ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านพลังงาน พบว่าในปี 2025 ยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกมากกว่า 25% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แล้ว การเติบโตนี้ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มตลาดเกิดใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ประเทศเหล่านี้ยังมีการใช้รถ EV เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
25% ของรถยนต์ใหม่ที่ขายทั่วโลกในปี 2025 เป็นรถ EV ไทย-เวียดนาม-อินโด ดันยอดขายแซงหน้าสหรัฐฯ และยุโรป
รถ EV ถูกขายที่ไหนบ้างในปี 2025 ผลการวิเคราะห์เผยให้เห็นว่า การแข่งขันในตลาด EV ได้กลายเป็นเรื่องระดับโลกอย่างแท้จริง ปัจจุบันมี 39 ประเทศที่มียอดขายรถ EV มากกว่า 10% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่มีเพียงแค่ 4 ประเทศเท่านั้น

กลุ่มประเทศอาเซียนได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการใช้รถ EV ระดับโลกในปี 2025 โดยประเทศสิงคโปร์ และเวียดนามมียอดขายรถ EV พุ่งสูงถึงประมาณ 40% ซึ่งแซงหน้าสถิติของอังกฤษ และกลุ่มยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว
ทางด้านอินโดนีเซียมียอดขายแตะระดับ 15% ในปีนี้ แซงหน้าสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ส่วนประเทศไทยมียอดขายถึง 20% และในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2025 ไทยขายรถ EV ได้มากกว่าเดนมาร์กเสียอีก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคนี้กำลังเปลี่ยนผ่านจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำ ไปสู่ตำแหน่งผู้นำได้อย่างรวดเร็ว

Euan Graham นักวิเคราะห์ข้อมูลและไฟฟ้าจาก Ember กล่าวว่า “นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ในปี 2025 ศูนย์กลางความสนใจได้เปลี่ยนไปแล้ว ตลาดเกิดใหม่ไม่ได้เป็นผู้ตามอีกต่อไป แต่พวกเขากำลังเป็นผู้นำในการเปลี่ยนไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ประเทศเหล่านี้มองเห็นประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของ EV ตั้งแต่อากาศที่สะอาดขึ้น ไปจนถึงการลดการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล”
ภูมิภาคอื่น ๆ ก็กำลังเติบโตเช่นกัน ในละตินอเมริกาอุรุกวัย มีสัดส่วนยอดขาย EV ถึง 27% ซึ่งใกล้เคียงกับยุโรป ขณะที่แม็กซิโก และบราซิล ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนแซงหน้าญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด EV คงที่อยู่ที่ประมาณ 3% มาตั้งแต่ปี 2022 ส่วนทางด้านตุรกี มีสัดส่วนถึง 17% แซงหน้าเบลเยี่ยม และกลายเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของยุโรป

ตลาดเกิดใหม่กำลังซื้อรถ EV ของจีน ตั้งแต่กลางปี 2023 การเติบโตของการส่งออกรถ EV ของจีนเกือบทั้งหมดมาจากตลาดนอกกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยปีนี้บราซิล, เม็กซิโก, UAE และอินโดนีเซีย ติด 10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางส่งออก EV ของจีน
สาเหตุหลักมาจากรัฐบาลของประเทศเหล่านี้มีนโยบายสนับสนุนการใช้ EV เช่น การลดภาษี และการให้แรงจูงใจสำหรับการผลิตภายในประเทศ
เมื่อมีประเทศหันมาใช้ EV มากขึ้น ผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เห็นได้ชัดเจน รถ EV มีประสิทธิภาพมากกว่ารถยนต์สันดาป (ICE) ถึง 3 เท่า ซึ่งหมายความว่าช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างมหาศาล แม้กระทั่งในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้าก็ตาม อย่างในบราซิล ซึ่งไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นพลังงานสะอาด รถ BEV ช่วยลดความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ราว 90% ส่วนในอินโดนีเซียลดลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง
Graham กล่าวทิ้งท้ายว่า “ตลาดเกิดใหม่จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของตลาดรถยนต์โลก การตัดสินใจในตอนนี้เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานจุดชาร์จและการสนับสนุนในช่วงเริ่มต้น จะเป็นตัวกำหนดว่ากระแสนี้จะดำเนินต่อไปได้เร็วแค่ไหน”
ที่มา electrek
