ใน ,

Maserati เปิดตัว GranCabrio Folgore สปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุนในงาน “Folgore Day”

วันที่ 15 เมษายน 2024 Maserati จัดงาน Folgore Day แสดงความมุ่งมั่นก้าวสู่ยุคไฟฟ้า 100% พร้อมเปิดตัว GranCabrio Folgore รถสปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุน มาชมรายละเอียดรถคันนี้และงานฉลองครั้งนี้กันครับ

Maserati เปิดตัว GranCabrio Folgore สปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุนในงาน “Folgore Day”

เพื่อเป็นการฉลองการดำเนินธุรกิจของ Maserati ครบรอบ 110 ปี พร้อมก้าวสู่ศตวรรษใหม่แห่งรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว แบรนด์จัดงานที่ชื่อว่า “Folgore Day” (โฟลกอเรเดย์) ที่อิตาลี งานนี้เป็นการโชว์ไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้า BEV ประกอบไปกด้วย GranTurismo Folgore และ Grecale Folgore SUV

พร้อมกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Maserati GranCabrio Folgore รถสปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุนในช่วงเย็นของวันงาน

สเปค Maserati GranCabrio Folgore

  • ขนาดแบตเตอรี่ : 92.5 kWh (ใช้จริงได้ 83 kWh)
  • ระยะที่วิ่งได้สูงสุด : 451 กม./ชาร์จ (WLTP)
  • มอเตอร์ : 3 ตัว (Tri-motor)
  • ระบบขับเคลื่อน : AWD
  • พละกำลังสูงสุด : 761 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุด : 1,350 นิวตันเมตร
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. : 2.8 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด : 290 กม./ชม.
  • แบตเตอรี่สถาปัตยกรรม 800V
  • ชาร์จ AC สูงสุด : 22kW
  • ชาร์จ DC สูงสุด : 270kW
  • ชาร์จาก 20-80% : 18 นาที

GranCabrio Folgore ใช้มอเตอร์ 3 ตัว tri-motor แบบเดียวกันกับ GranTurismo Folgore ซึ่งหมายถึงจะทำพละกำลังได้ 761 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,350 นิวตันเมตรที่ส่งไปยังทั้งสี่ล้อ แม้ว่าคันนี้จะต้องจัดการกับกิโลกรัมเพิ่มเติม 80 หรือมากกว่านั้นเนื่องจากหลังคาผ้าที่เพิ่มมา จับคู่กับแบตเตอรี่ความจุ 83kWh (แบบ T-Bone) ทำระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 451 กม./ชาร์จ (มาตราฐาร WLTP)

Maserati GranCabrio Folgore

แม้ว่าทาง Stellantis เคยสัญญาว่าจะให้พลังม้ามากถึง 1,200 ตัว แต่ด้วยข้อจํากัดด้านความสามารถในการปล่อยกำลังสูงสุดนั้นเอง

GranCabrio Folgore จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 290 กม./ชม. ขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับการชาร์จไว 270kW ชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ 100 กม. และเคลมหากชาร์จจาก 20-80% ได้ภายใน 18 นาทีเท่านั้น

สิ่งที่เป็นเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตระกูล Folgore คือแหล่งกําเนิดเสียงจำลองที่มีศักยภาพ ซึ่งคล้ายกับ Abarth 500 ซึ่ง Maserati ได้แนะนําว่าเสียงทั้งภายในและภายนอกจะมีเสียงที่เหมือนกันดุดันได้อย่างเร้าใจ

ภายใน GranCabrio Folgore มีเลย์เอาต์ผู้โดยสารสี่คนเหมือนกัน เช่นเดียวกับอุปกรณ์และคุณสมบัติภายในมากมายจาก GranCabrio มาตรฐาน รวมถึงจอระบบบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว เครื่องอุ่นคอมาเป็นมาตรฐาน ระบบเสียง Sonus faber

Maserati กล่าวว่าการตกแต่งภายในของ Folgore สามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลายด้วยสีและวัสดุต่าง ๆ เจ้าของ Folgore สามารถเลือกการตัดแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ทําจาก Econyl วัสดุ “ไนลอนที่สร้างจากอวนจับปลาและพรมรีไซเคิล”

ในวันงาน Folgore day ได้ฉลองครบรอบแบรนด์ที่เริ่มกองตั้งขึ้นที่เมืองโบโลญญา อิตาลี โดยทำการดำเนินธุรกิจโดย Modena บริษัทภายใต้เครือ Stellantis นั้นเอง ในช่วง 4 ปีก่อน “Trident” โลโก้ตรีศูลอย่าง Maserati ได้เริ่มคำมั่นที่เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV พร้อมตั้งเป้าและวางแผนปล่อยไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดให้ครบภายในช่วงปี 2028

Maserati GranTurimo Folgore

ที่ผ่านมาเราได้เห็น Maserati ปล่อยรถสปอร์ตเรือธงไฟฟ้าออกมาแล้วอย่าง GranTurismo Folgore ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า SUV อย่าง Grecale Folgore ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น ๆ ในไลน์อัพที่จะใช้ชื่อ Folgore ก็จะมี GranCabrio รถเปิดประทุนที่ก่อนหน้าเราเคยได้เห็นรถต้นแบบพรางตัว เช่นเดียวกันกับ Quattroporte เวอร์ชันไฟฟ้า

Folgore Day ครั้งแรกของ Maserati เฉลิมฉลองอดีตและอนาคตควบคู่สู่ยุคใหม่

นอกเหนือจากการเฉลิมฉลอง 110 ปีอันยาวนานของแบรนด์สัญชาติอิตาลีแล้ว ในงาน Folgore ของ Maserati ยังมีการเปิดตัวแคมเปญไฟฟ้าที่ใช้ชื่อว่า “It Turns You On” คุณสามารถดูภาพยนตร์แคมเปญ 90 วินาที ด้านล่างนี้

Folgore Day เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่สําหรับ Maserati และสําหรับผู้บริโภคระดับหรูที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมตราตรีศูล ผ่านคุณภาพสไตล์อิตาเลียนด้วยการประกอบความสง่างามที่ประณีต งานฝีมือที่ซับซ้อนพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมประสิทธิภาพรถที่แรงตามแบบฉบับของ Maserati

ในงานได้มีการอธิบายโดยละเอียดต่อหน้าฝูงชนที่เมืองริมินีเกี่ยวกับส่วนประกอบที่สําคัญหลายอย่างของ Maserati Grecale Folgore และ GranTurismo Folgore รวมถึงโรลลิ่งแชสซีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่น่าสนใจคือ Davide Grasso ​CEO ของ Maserati ไม่ได้ให้คํามั่นด้วยวาจาว่า Maserati จะกลายเป็นแบรนด์ไฟฟ้าเท่านั้นไม่ว่าจุดใดจุดหนึ่ง

Grasso กล่าวว่าในฐานะแบรนด์หรู Maserati ต้องการให้ลูกค้ามีทางเลือกระหว่างรุ่น ICE และ BEV ต่อไป อย่างน้อยก็จนถึงปี 2028 เนื่องจาก CEO กล่าวว่าตลาดต่าง ๆ กําลังโอบรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในอัตราที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ บางอย่างจำเป็นจะต้องถูกพิจารณา เช่นในเรื่องของวัฒนธรรม, กฎหมาย, เงินอุดหนุน, โครงสร้างพื้นฐาน และปัจจัยอื่น ๆ ประกอบไปด้วย

ความคิดเห็นจากผู้เขียน iMoD

ผมคิดว่า Maserati ถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก ๆ เกี่ยวกับการทำรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง เนื่องจากไม่เพียงแค่ชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนานตามที่กล่าวไป ล่าสุดทีม Maserati MSG Racing ก็ได้คว้ารางวัลชนะเลิศ Formula E ในงาน 2024 Tokyo E-Prix ที่ประเทศญี่ปุ่น ขับโดย Maximilian Günther แสดงให้เห็นถือความเป็นที่สุดในสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าที่ถ่ายทอดจาก Formula E สู่รถเรือธงอย่าง GranTurismo และรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับท้องถนนอีกมากมายในอนาคต

ที่มา : Electrek

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.