Changan, NIO และ BYD ได้อนุมัติร่วมทดสอบระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L3 ในจีน แต่ Tesla และ XPENG หลุดชื่อ!
จีนประกาศรายชื่อกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชุดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L3 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนในการเดินหน้าเข้าสู่ยุค “รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองอย่างเต็มรูปแบบ”
การประกาศครั้งนี้สอดคล้องกับ “แผนงานเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ปี 2025–2026)” ที่รัฐบาลจีนเผยแพร่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ความหมายของเทคโนโลยี L3
ตาม “มาตรฐานการจำแนกระดับการขับขี่อัตโนมัติของจีน” ระบบ L3 คือเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไข (Conditional Automation) ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในบางสถานการณ์ แต่ยังคงต้องพร้อมเข้าควบคุมรถเมื่อจำเป็น
รายชื่อกลุ่มผู้ได้รับอนุญาตทดสอบ L3 ชุดแรก
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ร่วมกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและหน่วยงานอื่น ๆ ได้ประกาศรายชื่อกลุ่มผู้ได้รับอนุญาตชุดแรก รวมทั้งหมด 9 กลุ่ม ครอบคลุมรถยนต์นั่ง รถบัส และรถบรรทุก
Changan เป็นผู้นำด้วยจำนวนใบอนุญาตทดสอบมากที่สุด 17 ใบ รถรุ่นที่ผ่านการอนุมัติ ได้แก่ Deepal SL03 และ Avatr 11, 12, 07, 06 ทั้งหมดใช้ระบบ Huawei ADS 4.0
Seres (Aito)
Seres หรือที่รู้จักในชื่อแบรนด์ Aito ได้รับอนุมัติให้ใช้ระบบ Huawei ADS 4.0 ในรุ่น Wenjie M9, M8 และ M7 พร้อม LiDAR sensors สำหรับการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบรถ
BYD และระบบ “God’s Eye”
BYD ได้รับอนุมัติสำหรับรถยนต์ที่ใช้ระบบ “God’s Eye” ซึ่งพัฒนาโดยทีมภายในของแบรนด์เอง เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 ระบบนี้ผ่านการทดสอบ Navigate on Autopilot (NOA) บนทางหลวงแล้ว และแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย
-
God’s Eye A (DiPilot 600) : ใช้ LiDAR 3 ตัว ใช้ในรถหรูสุดของแบรนด์ Yangwang
-
God’s Eye B (DiPilot 300) : ใช้ LiDAR 1 ตัว สำหรับรุ่น Denza และรถระดับพรีเมียมของ BYD
-
God’s Eye C (DiPilot 100) : ใช้เพียงกล้อง ไม่มี LiDAR สำหรับรถรุ่นประหยัด เช่น BYD Seagull (หรือชื่อ Dolphin Surf ในยุโรป)
ระบบนี้มาพร้อมฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control และระบบเบรกอัตโนมัติขั้นสูง
NIO และการพัฒนาชิปของตัวเอง
NIO ได้รับอนุญาตสำหรับรถรุ่นใหม่ที่ยังไม่เปิดตัว ซึ่งใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ NWD (Nio World Model) พร้อมชิป Shenji NX9031 ที่พัฒนาโดย Nio เอง
Nio เริ่มพัฒนาชิปตั้งแต่ปี 2021 และเปิดตัว 2 รุ่นหลัก ได้แก่
-
Yangjian chip สำหรับควบคุม LiDAR
-
Shenji NX9031 chip สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
ชิป Shenji เปิดตัวปลายปี 2023 และถูกใช้ครั้งแรกในรุ่นเรือธง ET9 ก่อนจะขยายไปยังรุ่น ES6, EC6, ET5, และ ET5 Touring ซึ่งเปิดตัวกลางเดือนพฤษภาคม
William Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nio เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา Nio ใช้งบกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,950 ล้านบาท) ในการซื้อชิป Nvidia Orin-X และคาดว่าการเปลี่ยนมาใช้ชิป Shenji จะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) ต่อคัน
แม้ว่า Nio จะลดการพึ่งพา Nvidia แล้ว แต่รถภายใต้แบรนด์ Onvo ยังคงใช้ชิปของ Nvidia อยู่
การเปลี่ยนแปลงภายใน NIO
สัปดาห์ที่ผ่านมา Harry Wong หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะของ NIO ได้ลาออกจากตำแหน่ง เขาเป็นหนึ่งในทีมหลักที่อยู่เบื้องหลังระบบ Nio World Model
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน สื่อ LatePost รายงานว่า Nio กำลังหานักลงทุนเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจชิปของNIO เองโดยเฉพาะ แต่ Nio ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว แต่แบรนด์ก็ได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อ Anhui Shenji Technology Co., Ltd. ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านหยวน (ประมาณ 50 ล้านบาท) เพื่อดำเนินธุรกิจออกแบบและจำหน่ายชิป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายสู่เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ
แบรนด์ที่ไม่มีชื่อในรายชื่อทดสอบ
ที่น่าสังเกตคือ Tesla, XPENG, Li Auto และ Xiaomi ไม่ได้อยู่ในรายชื่อรอบแรกนี้
ในสหรัฐฯ Tesla เตรียมปล่อยซอฟต์แวร์ Full Self Driving (Supervised) เวอร์ชัน 14 ในวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคมนี้
Elon Musk ระบุว่าเวอร์ชันนี้จะเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของระบบขับขี่อัตโนมัติของ Tesla ก็ว่าได้ครับ
ด้าน He Xiaopeng ซีอีโอของ XPENG กล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่าแบรนด์ตั้งเป้าจะเปิดตัวซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติระดับ L3 ภายในสิ้นปีนี้ แต่ยอมรับว่าจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถของการประมวลผล และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหลายเท่าตัว
การที่ Nio และ BYD ได้รับอนุมัติให้ทดสอบ L3 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของผู้ผลิตรถยนต์จีนในการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ในขณะที่แบรนด์ต่างประเทศอย่าง Tesla ยังคงมุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ในตลาดสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์อัจฉริยะระดับโลก